5 พฤติกรรมฝึกทฤษฎี 21 วันง่ายๆ เปลี่ยนนิสัยเปลี่ยนชีวิตเป็นคนใหม่
5 พฤติกรรมฝึกทฤษฎี 21 วัน (21-Day Habit Theory) ฝึกจากกิจวัตรประจำวันง่ายๆ เปลี่ยนนิสัยเปลี่ยนชีวิตเป็นคนใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ทฤษฎี 21 วัน (21-Day Habit Theory) เพื่อฝึกฝนตัวเอง ซึ่งทฤษฎีนี้มาจากแนวคิดของ ดร. แมคเวล มอลท์ (Dr. Maxwell Maltz) ตีพิมพ์เอาไว้ในหนังสือชื่อว่า Psycho-Cybernetics กล่าวถึงหลักการของทฤษฎีว่าคือ การเปลี่ยนนิสัยโดยการทำพฤติกรรมบางอย่างซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน หากทำได้ เชื่อว่าพฤติกรรมนั้นจะกลายมาเป็นนิสัยใหม่ไปโดยปริยาย ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิต
อมรินทร์ออนไลน์ ขอแนะนำ 5 พฤติกรรมฝึกทฤษฎี 21 วัน จากกิจวัตรประจำวันง่ายๆ เปลี่ยนนิสัยเปลี่ยนชีวิตเป็นคนใหม่
1. การนอน
อย่างนอนก่อน 4 ทุ่ม พฤติกรรมง่ายๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพใจ เพราะการนอนหลับในช่วงเวลา 4 ทุ่ม ถึง ตี 2 ถือเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมนได้ดีที่สุด ซึ่งจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการนอน และมีผลต่อการเจริญเติบโตและชะลอวัย การนอนหลับก่อน 4 ทุ่ม มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของสมอง ให้สมองได้พักผ่อน ซ่อมแซมตัวเอง และจัดระเบียบความทรงจำ รวมถึงเพิ่มสมาธิและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ช่วยให้สมองกำจัดสารพิษและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงของภาวะสมองล้าและโรคที่เกี่ยวข้องกับความจำ ลดความเสี่ยงของโรค เช่น โรคอ้วน ภาวะซึมเศร้า และโรคที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิต
2. อ่านหนังสือ
ช่วงแรกอาจจะฝึกโดยการอ่านวันละ 15 นาที ก่อนเพื่อเป็นการฝึกตัวเอง การอ่านหนังสือยังเป็นการฝึกสมาธิทางอ้อมที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง ใครที่รู้สึกว่าสมาธิสั้นหรือไม่สามารถจดจ่อกับอะไรนานๆ ได้ ลองอ่านอะไรบางอย่างก่อนนอน หรือช่วงที่มีเวลาว่างประมาณ 15 นาที จะช่วยเพิ่มสมาธิและทำให้สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ต้องการโฟกัสได้ดีขึ้น
3. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน วันละ 20 นาที โดยจัดตารางออกกำลังกายในแต่ละวันไม่ให้ซ้ำกัน เช่น วิ่ง, เวทเทรนนิ่ง , คาดิโอ หรือเล่นกีฬาสลับกันไป นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้สมองสร้างสารแห่งความสุขออกมา อาจจะยากในวันแรกๆ แต่เมื่อร่างกายปรับตัวได้ บวกกับใจที่แน่วแน่ การออกกำลังกายจะกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย
4. ขับถ่ายให้เป็นเวลา
การฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพลำไส้และร่างกายโดยรวม การฝึกนิสัยขับถ่ายให้เป็นเวลาจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก ลดความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร และโรคมะเร็งลำไส้ การขับถ่ายเป็นเวลาช่วยให้ร่างกายขับของเสียและสารพิษได้ตามปกติ ซึ่งเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการขับถ่ายคือช่วงเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังอาหารมื้อเช้า เนื่องจากลำไส้ใหญ่จะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นในช่วงเวลานี้
5. นั่งสมาธิ
การฝึกนั่งสมาธิจะช่วยทำให้ผู้ที่ทำสมาธิเกิดความรู้สึกผ่อนคลายทั้งทางกายและใจ แม้จะเป็นการทำสมาธิเพียงช่วงสั้นๆ แต่ก็มีประโยชน์ไม่น้อย และยังเป็นเทคนิคที่ช่วยในการบำบัดทางด้านจิตใจและอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เช่นการเพิ่มการตระหนักรู้ต่อสิ่งต่างๆ ตรงหน้า การมีสติอยู่กับปัจจุบัน จัดการความเครียด ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ลดอารมณ์ในทางลบ เพิ่มความอดทนอดกลั้น ส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
ทั้ง 5 พฤติกรรมข้างต้น หากทำติดต่อกันได้ 21 วันจนสำเร็จ จะกลายเป็นนิสัยใหม่ให้เราปฏิบัติต่อด้วยความเคยชิน ซึ่งจะส่งผลดีทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแน่นอน
คอนเทนต์แนะนำ
Advertisement
