วันที่ 10 ก.พ. 66 ความคืบหน้ากรณี เด็กชายต่อศักดิ์ แสงสว่าง หรือ น้องต่อ อายุ 8 เดือน หายไปจากบ้านในพื้นที่ ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา ล่าสุด พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุธี วรรณสูตร ผกก.สภ บางหลวง เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมประกาศตั้งเงินรางวัล 10,000 บาท สำหรับคนที่แจ้งเบาะแสจนได้พบตัวน้องต่อ
ขณะเดียวกัน เจ้าตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.บางหลวง ได้นำตัว นายโอ ชาวบ้านที่แจ้งเบาะแสว่า พบเห็นชายเสื้อเหลืองนั่งอยู่บนศาลาริมถนน มาจำลองเหตุการณ์ที่เห็นชายเสื้อเหลืองนั่งในวันเกิดเหตุ
ซึ่งชายเสื้อเหลืองนั่งพิงกับเสาศาลา โดยตำรวจเปิดเผยเพียงว่า คดีนี้อยู่ระหว่างสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์พยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเร่งไล่กล้องวงจรปิดทุกเส้นทางที่คาดว่าอาจจะเจอตัวคนร้าย
นายโอ พยานใหม่ในคดีที่ให้ปากคำกับตำรวจช่วงดึกที่ผ่านมาที่ สภ.บางหลวง กล่าวว่า ตนเห็นชายเสื้อเหลืองนั่งอยู่บนศาลาริมถนนบริเวณต้นซอยบ้านน้องต่อ ในช่วงเวลาประมาณ 06.50-07.05 น. เช้าวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ก่อนหน้านี้ลุงวีคนในหมู่บ้านให้การกับตำรวจว่าเจอชายเสื้อเหลืองยืนอยู่หน้าบ้านน้องต่อในช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. แต่ตนไม่อยากให้ข้อมูลอะไรมาก เพราะไม่มั่นใจว่าชายเสื้อเหลืองคือคนก่อเหตุที่ลักพาตัวน้องต่อไปจริงหรือไม่ ตนจึงกลัวหากให้ข้อมูลไปจะไปพูดพาดพิงจนตนอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว
ด้าน นางหมิว (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ภรรยาของนายโอ เผยว่า สามีเห็นชายเสื้อเหลืองนั่งอยู่บนศาลาริมถนนบริเวณต้นซอยบ้านน้องต่อในช่วงเวลาประมาณ 06.50-07.05 น. เช้าวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ก่อนหน้านี้ลุงวีคนในหมู่บ้านบอกทีมข่าวว่าเจอชายเสื้อเหลืองยืนอยู่หน้าบ้านน้องต่อในช่วงเวลาประมาณ 07.00 น.
โดยวันเกิดเหตุสามีตนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักเพื่อไปซื้อของ แต่ตนจำช่วงเวลาออกจากบ้านไม่ได้ กระทั่งซื้อของเสร็จขี่รถกลับบ้านกำลังเลี้ยวเข้าซอยก็เห็นชายเสื้อเหลืองนั่งบนศาลาริมถนนโดยพิงกับเสา ตอนนั้นไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะศาลานี้ปกติจะมีคนแปลกหน้ามานั่งพักตลอด บางครั้งก็นั่งพักประมาณสองวันแล้วก็ออกไปจากศาลานี้ไปอยู่ที่อื่น
จนช่วงเที่ยงทราบจากพ่อและแม่น้องต่อน้องต่อ ว่าน้องหายตัวไปออกจากบ้านพักวันต่อมาก็มีนักข่าวมาลงพื้นที่และลุงวีได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่าเห็นชายเสื้อเหลืองอยู่หน้าบ้านน้องต่อ จึงทำให้สามีตนตกใจเพราะวันเกิดเหตุก็เห็นชายเสื้อเหลืองเหมือนกัน ซึ่งช่วงเวลาที่เห็นเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับลุงวีที่เห็นชายเสื้อเหลืองปรากฎในหมู่บ้าน
ยอมรับว่า ตอนนั้นสามีและตนตกใจแต่ที่ยังไม่แจ้งเบาะแสเพราะหลังน้องต่อหายตัวไปชาวบ้านเกือบทุกหลังถูกตำรวจเรียกเชิญไปสอบว่าเห็นเหตุการณ์หรือไม่ ยังไม่รวมนักข่าวที่ลงพื้นที่ในหมู่บ้านสามีและตนจึงลังเลที่จะให้ข้อมูล เนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าใช้เสื้อเหลืองใช้คนร้ายหรือไม่และไม่มั่นใจว่าจะเป็นเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่
ส่วนตัวมองว่า มีความเป็นไปได้ที่ชายแปลกหน้าจะเข้ามารับพาตัวน้องต่อออกไปจากพื้นที่ ซึ่งชายแปลกหน้าคนนั้นจะต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับพ่อและแม่ของน้องต่อ เนื่องจากมีแต่คนเคยอุ้มเด็กเท่านั้นที่เด็กจะไม่ร้องและยอมไปด้วย รวมทั้งสภาพบ้านเรือนในหมู่บ้านบ้านพักติดกันทุกหลัง หากไม่ใช่คนที่เคยมาในหมู่บ้านก็จะไม่รู้ทางเข้าออกและก็จะไม่รู้ว่าชาวบ้านหลังไหนที่ตื่นเช้า หลังไหนที่ออกไปทำงาน จึงเป็นไปได้ยากถ้าจะเป็นแก๊งลักเด็กหรือเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกับคนในหมู่บ้านก่อเหตุ
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลองเดินสำรวจบริเวณท้ายซอยตรงข้ามบ้านของน้องต่อ ซึ่งสามารถเดินออกถนนใหญ่ได้ โดยการข้ามร่องน้ำขนาด 50 เซนติเมตร ขึ้นไปบนคันดินความสูงเมตรกว่า จากนั้นก็เดินตามคันดินนี้ไปเรื่อย ๆ ลักษณะพื้นผิวไม่เรียบ ขรุขระ มีร่องดินแตกระแหง และมีหญ้าขึ้นประปราย แต่สามารถเดินได้อย่างสะดวก จากการสังเกตรอบ ๆ มีบ้านเรือนของชาวบ้านหลายหลัง แต่เป็นด้านหลังของตัวบ้าน ทางเส้นนี้จึงลับตาคน
หลังจากเดินตามคันดินมาเป็นระยะทาง 70 เมตร จะถึงถนนใหญ่ เพียงก้าวขาข้ามเหล็กกั้นขอบทางก็ขึ้นถนนได้ทันที เมื่อมาถึงตรงนี้จะเห็นศาลา ซึ่งเป็นจุดที่มีพยานพบเห็นชายเสื้อเหลืองมาอยู่ตรงนี้ก่อนเกิดเหตุ ซึ่งศาลานี้อยู่ห่างจากคันดินที่ผมเดินผ่านมาเพียง 10 เมตร ซึ่งหากคนร้ายออกจากศาลานี้ แล้วจะไไปบ้านเด็กได้ 2 ทาง โดยทางแรกเป็นเส้นทางหลักกลางหมู่บ้าน เดินเข้าไป 100 เมตร จะถึงบ้านเด็กอยู่ฝั่งซ้าย ส่วนอีกทางคือเดินลัดเลาะไปตามคันดินด้านหลัง แล้วทะลุออกซอยฝั่งตรงข้าม ระยะทางแค่ร้อยกว่าเมตรก็จะถึงบ้านเด็ก
นางกลิ่น เหมะรา อายุ 81 ปี กล่าวว่า ตนพักอาศัยในบ้านพักที่อยู่ติดกับคันดินกั้นน้ำท่วมบริเวณข้างหมู่บ้าน ซึ่งจุดคันดินกั้นน้ำท่วม เป็นเส้นทางที่พ่อแม่ของน้องต่อสันนิษฐานว่า คนร้ายจะใช้เส้นนี้อุ้มน้องต่อขึ้นคันดินกั้นน้ำท่วมก่อนเดินไปทะลุถนนบางหลวง วันเกิดเหตุตนออกจากบ้านพักไปตักบาตร ตักบาตรเสร็จก็กลับมาที่บ้านพักช่วงประมาณ 06.30 น. โดยนั่งเล่นหลังบ้านพักซึ่งเป็นจุดที่เห็นคันดินกั้นน้ำท่วม และนั่งเล่นอยู่บริเวณนี้จนสาย ยืนยันวันเกิดเหตุไม่เห็นใครเดินผ่านหลังบ้านพัก
หากคนร้ายผ่านมาเส้นทางนี้จริง เจ้าก๊องสุนัขพิตบูลของเพื่อนบ้านต้องเห่าเสียงดัง เพราะปกติแค่ตนจะเดินออกจากหลังบ้านไปเก็บผักเจ้าก๊องยังเห่าตนเสียงดัง ซึ่งสุนัขตัวนี้เคยกัดคนมาแล้วถ้าผ่านมาเส้นทางนี้ต้องโดนแน่ ๆ อีกทั้งคันดินกั้นน้ำท่วมมีความสูงประมาณ 1 เมตรกว่า หากคนร้ายจะมาเส้นทางนี้และอุ้มเด็กมาด้วยจะทำให้ลำบากมากในการหลบหนี และปกติแล้วเส้นทางนี้ไม่เคยมีคนในหมู่บ้านเดินเข้าเดินออกมีแต่ตนเท่านั้น เพราะตนปลูกผักหลังบ้านและจะชอบไปตัดฟืนมาใช้ทำอาหาร
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายไมตรี พึ่งบุญอยุธยา หรือ ตี อายุ 52 ปี คนขายกล้วยทอดข้างศาลาที่มีคนให้ข้อมูลว่าพบชายสวมเสื้อเหลือง กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเองมาขายกล้วยทอดตั้งแต่ช่วงตีห้า วันนั้นตนไม่เห็นใครผิดสังเกตและไม่เห็นใช้เสื้อเหลืองมานั่งที่บริเวณศาลาริมถนนที่ติดกับร้านตน แต่ได้ยินหลานชายก็คือในโอที่มาบอกตัวเองว่ามีใช้เสื้อเหลืองมานั่งที่ศาลาก่อนที่เด็กจะหายตัวไป
ตนก็ยังโต้เถียงกับหลานชายว่าไม่ใช่เพราะตัวเองอยู่มาตั้งแต่ตีห้าที่ร้านใกล้ศาลาก็ไม่เจอใครมานั่ง แต่ช่วงเช้าตนไม่ได้อยู่ที่ร้านตลอดก็จะมีช่วงเวลาที่ตนกลับบ้านพักเพื่อไปเอาของมาทอดกล้วยแล้วก็ไปเอาถุงมาที่ร้าน ก็อาจเป็นไปได้หากชายเสื้อเหลืองมานั่งที่ศาลาจริงอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ตนไม่อยู่แล้วกลับไปเอาของที่บ้านพัก
นายไมตรี กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์น้องต่อหายตัวไป ยอมรับว่าชาวบ้านทุกคนต่างมีชีวิตประจำวันที่ไม่ปกติเหมือนเดิม เพราะวัน ๆ จะต้องมานั่งตอบคำถามทั้งตำรวจและนักข่าวเพื่อคลี่ปมน้องต่อหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาในหมู่บ้าน ซึ่งตนกับหลานชายก็เพิ่งถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบถามช่วงดึกที่ผ่านมา
ส่วนตัวไม่ได้สนิทกับครอบครัวของน้องต่อและไม่เคยอุ้มน้องต่อ โดยน้องต่อเป็นเด็กน่ารักเด็กตัวเล็ก ๆ ตัวผิวขาวและตาโต เป็นที่รักของทุกคนในหมู่บ้านก็อยากให้หาตัวน้องเจอไว ๆ นายไมตรี กล่าว
Advertisement