จากกรณีตำรวจ สภ.หนองหญ้าป้อง อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย รับแจ้งเหตุชายถูกแทงเสียชีวิตใต้ถุนบ้านไม้ยกสูง ชั้นล่างเปิดโล่ง มีขวดเบียร์ตกอยู่ 4-5 ขวด นอนจมกองเลือดอยู่บนเสื้อ สภาพถูกแทงเข้าที่กลางอก 1 แผล ทราบชื่อนายอนุสรณ์ หรือ กร อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของกำนันตำบลหนองหญ้าป้อง ส่วนคนก่อเหตุคือ น.ส.พิมพ์ ภู่ทับทิม อายุ 21 ปี เดินทางไปมอบตัวกับตำรวจและแจ้งว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง ล่าสุดวันที่ 13 เม.ย.63 ทีมข่าวเดินทางย้อนกลับไปบ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองหญ้าป้อง อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ติดกับที่ทำการกำนัน ต.หนองหญ้าป้อง พบว่า เป็นบ้านไม้ยกสูง ชั้นล่างยังคงมีเสื่อปูอยู่ 1 ฝืน มีขวดเบียร์วางกระจาย
ร้อยตรีอภิรัตน์ บุญดง หรือ ครูบอย อายุ 27 ปี รุ่นน้องของผู้ตาย ที่นั่งอยู่กับผู้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้ายก่อนพบเป็นศพ เปิดเผยว่า ตนนั่งดื่มเบียร์กับนายอนุสรณ์ ตั้งแต่ช่วงบ่าย หลังกลับมาจากจับปลา กระทั่งเวลา 19.00 น. ตนจึงแยกย้ายกลับบ้านพักครู แต่ช่วงนั้นนายอนุสรณ์ ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต หรือมีการนัดหญิงที่ไหนมาเจอ จึงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนก่อเหตุมาจากไหน และตลอดช่วงที่มาดื่มด้วยกัน ก็ไม่เคยเห็นหน้าน.ส.พิมพ์ ผู้ก่อเหตุ
แต่ช่วงประมาณ 20.30 น. ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่านายอนุสรณ์ ถูกแทงตายอยู่ใต้ถุนบ้าน จุดที่นั่งดื่มด้วยกันจึงรีบมา แต่ก็ไม่พบตัวคนก่อเหตุแล้ว เพราะทราบว่าได้ไปมอบตัวกับตำรวจ ส่วนหาเหตุไม่ทราบว่าเกิดจากเรื่องอะไร เพราะผู้ตายไม่เคยมีเรื่องกับใคร มีอะไรก็จะเล่าให้ตนฟังตลอด แต่ก็ไม่เคยพูดถึงน.ส.พิมพ์ จึงไม่รู้ว่าเหตุใดถึงต้องแทงกันจนตาย ส่วนปมความเจ้าชู้ ตนก็ทราบว่า ผู้ตายมีคุยแชท และคุยกับสาว ๆ หลายคนในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรมากไปกว่านั้นหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
และเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตนได้ติดตามการทำแผน ซึ่งตำรวจทำแผนแบบลับ ๆ โดยน.ส.พิมพ์ รับสารภาพว่า นำเงินมาให้ผู้ตาย แต่ผู้ตายมีลักษณะดึงแขน ฉุดกระชาก จึงได้ใช้อาวุธมีดที่เตรียมติดตัวมาด้วย จวงแทงไปที่กลางอก จากพฤติกรรม น.ส.พิมพ์ กับวิธีการและอาวุธ ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่า การนำเงินมาคืน ทำไมต้องแทง ไม่คุยกันด้วยดี ดังนั้นมีเหตุอื่นหรือไม่ และการจากไปของนายอนุสรณ์ ทิ้งให้คนข้างหลัง ลูก 10 ขวบ และ 6 ขวบ ต้องไร้ที่พึ่งขาดเสาหลัก หลังจากนี้ใครจะดูแลเด็ก ๆ เพราะนายอนุสรณ์ ยังปรึกษากับตนว่าจะไปชื้อวัวมาเลี้ยงเพื่อหารายได้ส่งลูกเรียน
ส่วนที่บ้านของนายอนุสรณ์ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุที่ถูกแทงตาย ญาติได้รับศพกลับมาจากโรงพยาบาลพิษณุโลก ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า และจะมีพิธีญาปนกิจศพ ในวันพุธที่ 15 เม.ย.63
ด้านนายเสน่ห์ สุริยะลังกา อายุ 59 ปี กำนันตำบลหนองหญ้าป้อง ในฐานะพี่ชายของคนตาย เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่บ้าน ออกไปเข้าเวรด่านสะกัดโควิด-19 จากนั้นได้มีตำรวจโทรศัพท์มาแจ้งว่า น้องชายถูกแทงตายอยู่ใต้ถุนบ้าน ซึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่ง คือ น.ส.พิมพ์ ขาขวาเป๋ เพราะประสบอุบัติเหตุ เป็นคนมาแจ้งตำรวจ ว่า แทงนายอนุสรณ์ที่ใต้ถุนบ้านจริง เพราะถูกฉุดกระชาก พยายามขืนใจ จึงได้ก่อเหตุดังกล่าวด้วยอาวุธมีดที่เตรียมติดตัวมา ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบพบว่า นายอนุสรณ์ เสียชีวิตคาที่ จึงได้รีบประสานมายังตนเองทันที
กำนัน บอกว่า ส่วนตัวไม่รู้จัก หรือไม่เคยเจอ ผู้หญิงคนดังกล่าว ไม่รู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่แฟนหรือหญิงสาวที่น้องชายคบหา เพราะแม้น้องชายจะมีนิสัยเจ้าชู้ แต่เชื่อว่าผู้หญิงคนก่อเหตุ จะไม่ใช่แฟนหรือกิ๊ก แน่นอน เนื่องจากน้องชายมีครอบครัวแล้ว มีลูกถึง 2 คน ลูกสาว 10 ขวบ และ 6 ขวบ ส่วนภรรยาของนายอนุสรณ์ ไม่ได้อยู่กินด้วยกัน จะแวะเวียนมาช่วยกันดูแลลูกเท่านั้น สำหรับความเจ้าชู้ ตนเองก็เคยเตือนน้องชายตลอดว่า ขอให้เลิกเจ้าชู้ ทำตัวดี ๆ เป็นที่พึ่งให้กับคนในครอบครัว เพราะญาติหลายคนก็เริ่มอายุมากขึ้น อาจจะไม่มีใครดูแล
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของการถูกแทงเสียชีวิตได้ ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่ใช่เรื่องของปมชู้สาว หรือประเด็นเรื่องของยาเสพติด เพราะสาเหตุเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ถึงขั้นฆ่ากันตายได้ ดังนั้นส่วนตัวก็อยากถามผู้หญิงคนดังกล่าวว่า มีเหตุผลอะไรที่มากไปกว่านั้นหรือไม่ ที่ตัดสินใจต้องแทงน้องชายของตัวเองตาย แต่แม้ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ตัวเองก็คงไม่ถือโทษโกรธใคร แม้ว่าในใจลึกลึกแล้วอาจจะรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ แต่ก็ปล่อยให้เป็นไปตามเวรกรรม เพราะถือว่าทั้งคู่ก่อเวรก่อกรรมร่วมกันมา “ชาติที่แล้วน้องชายของตัวเองอาจจะไปทำร้ายฝ่ายผู้หญิงมาก่อนก็ได้ เขาถึงมาเอาคืนในชาตินี้”
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ หมู่ 2 ในต.หนองหญ้าป้อง ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.พิมพ์ พบว่าบ้านดังกล่าวปิดเงียบ ไม่มีคนอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่น.ส.พิมพ์ จะอาศัยอยู่กับลูก 2 คน แต่หลังจากเจ้าตัวถูกจับดำเนินคดี จึงมีญาติรับลูกสาวไปอยู่ด้วย ส่วนแฟนหนุ่มทำงานอยู่ต่างอำเภอ ซึ่งตอนนี้ทราบเรื่องแล้ว แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการขอประกันตัว ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะครอบครัวมีฐานะยากจนทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นายณัฐพงษ์ ใจกล้า หรือผู้ใหญ่เอิร์ธ หมู่ที่ 2 ต.หนองหญ้าป้อง เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุทราบว่าน.ส.พิมพ์ ซึ่งมีบ้านอยู่ไม่ไกลจากตนนัก จึงรีบไปที่โรงพัก ซึ่งน.ส.พิมพ์ บอกว่า วันเกิดเหตุช่วง 19.43 น. นายอนุสรณ์ โทรศัพท์มาบอกขู่ว่าให้นำเงินที่ยืมไปคืนจำนวน 2,000 บาท หากไม่คืนจะประจาน โดยจะฟ้องสามีของน.ส.พิมพ์ เพราะสามีน.ส.พิมพ์ เป็นเพื่อนสนิทของนายอนุสรณ์ จึงทำให้น.ส.พิมพ์ รวบรวมเงิน แล้วรีบขี่มอเตอร์ไชค์ สภาพขาเป๋ไปที่บ้านนายอนุสรณ์ ระยะทาง 4 กิโลเมตร ซึ่งตอนที่นายอนุสรณ์ โทรศัพท์มาบอกว่า “ที่บ้านไม่ได้อยู่คนเดียว มีเพื่อนกินเหล้าอยู่หลายคน” จากคำพูดดังกล่าว น.ส.พิมพ์ จึงกล้าออกไปเจอนายอนุสรณ์
หลังจากไปถึงหน้าบ้าน พบว่า นายอนุสรณ์ นั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับอาการเมา สั่งให้ลูกสาววัย 10 ขวบขึ้นไปบนบ้านแล้วปิดไฟมืด นายอนุสรณ์ ออกอุบายให้น.ส.พิมพ์ เข้าไปหาใต้ถุนบ้าน น.ส.พิมพ์ จึงยืนเงินคืนแต่กลับถูกฉุดลากแขนบังคับให้นั่งลง พร้อมพูดว่า “ไม่เอาเงิน แต่ขอเป็นอย่างอื่น” ลักษณะคล้ายจะถูกข่มขืน น.ส.พิมพ์ จึงควักมีดพกสั้นที่เตรียมมาด้วยแทงไป 1 ครั้ง แล้วรีบวิ่งออกจากบ้าน เพราะกลัวว่านายอนุสรณ์ จะวิ่งตามมา
น.ส.พิมพ์ ก่อเหตุเสร็จ ขี่รถไปที่สภ.หนองหญ้าป้องทันที ไปบอกตำรวจว่า “แทงผู้ชายคนหนึ่งที่ใต้ถุนบ้าน 1 แผล ช่วยไปดูหน่อย” จนตำรวจบอกกับน.ส.พิมพ์ ว่าผู้ชายตายคาที่ โดยน.ส.พิมพ์ บอกอีกว่า ไม่ตั้งใจแทง แต่มีดที่เตรียมมาเป็นมีดพกป้องกันตัวเอง เพราะส่วนใหญ่ทำงานกลับดึก จึงพกเอาไว้ในกระเป๋าเครื่องสำอาง แต่ช่วงที่กำลังจะถูกข่มขืน จึงได้หยิบออกมาป้องกันตัวเอง ไม่เจตนาจะแทงให้ถึงตาย
นายณัฐพงษ์ ผู้ใหญ่บ้าน เปิดใจว่า นิสัยใจคอของนางสาวพิมพ์ เป็นคนเรียบร้อย ขยันทำงาน แต่เพราะด้วยเจ้าตัวประสบอุบัติเหตุ ขาขวาหัก จึงเป็นที่มาของขาเป๋ ใช้ไม้พยุง ส่วนแขนซ้ายก็ต้องผ่าตัดใส่เหล็กดามเอาไว้ จึงทำให้ตกงานหยุดงานยาว แล้วเป็นที่มาของการกู้ยืมเงิน มาใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาย ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน เชื่อว่า สาเหตุที่แทงอาจเป็นเพราะว่านายอนุสรณ์ เจตนาจะขืนใจ จึงทำให้น.ส.พิมพ์ ใช้อาวุธมีดสั้นแทง ทั้งนี้ครอบครัวของน.ส.พิมพ์ ยังบอกว่า จะไม่มีการประกันตัว ปล่อยให้เป็นไปตามกฏหมาย เพราะไม่มีเงินประกัน และฐานะยากจน
Advertisement