GEELY RIDDARA ตั้งทีมงานเฉพาะกิจศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย คาดหวังให้เป็นศูนย์กลางการผลิตของรถยนต์พวงมาลัยขวาเพื่อการส่งออก และจำหน่ายในประเทศ แม้สถานการณ์ตลาดรถบ้านเรายังไม่สดใสมากนัก
สำหรับ RIDDARA ผู้ผลิตรถกระบะพลังงานไฟฟ้า ถือเป็นค่ายรถยนต์จากประเทศจีนที่ตอนนี้มีไลน์อัพของผลิตภัณฑ์เพียงรุ่นเดียว นั่นก็คือ RIDDARA RD6 ที่ทำตลาดอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ โดยทางแบรนด์รับรู้ถึงจุดนี้ดีว่ายังเป็นสิ่งที่เสียเปรียบกับค่าอื่นๆ ที่มีรถในหลายกลุ่ม ดังนั้นสิ่งที่ RIDDARA จะทำต่อจากนี้คือการแตกไลน์ของรถกระบะไฟฟ้าให้มีความหลากหลาย และตอบโจทย์กับผู้ใช้งานหลายๆ กลุ่มมากขึ้น ประกอบทั้งปัจจุบัน RD6 มีเพียงรุ่น 4 ประตูซึ่งกลุ่มผู้ใช้งานยังเป็นกลุ่มที่มีรายได้ประจำค่อนข้างสูง จึงมองถึงช่องว่างและโอกาสสำหรับรถกระบะไฟฟ้าแบบซิงเกิลแคป และหัวเดี่ยว ที่ต้องพยายามเติมเต็มในอนาคต
สำหรับแผนการเปิดตัวรถใหม่ในตลาดประเทศไทย จะเกิดขึ้นทันทีในช่วงปลายปีที่งาน Motor Expo 2025 ด้วยการเปิดตัว RIDDARA RD6 ECON โดยจะเป็นรุ่นที่ปรับออปชันบางส่วนเพื่อทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นในปี 2026 จะทำตลาดในส่วนของขุมพลัง PHEV ในรุ่น RD6 EM-P และในปี 2027 จะตามมาด้วยรถกระบะเพื่อการใช้งานจริงจังแบบ Heavy Duty กับรหัส KP11 นอกจากนั้นในปี 2028 ยังมองหาความเป็นไปได้สำหรับการทำตลาดในกลุ่มกระบะพรีเมียม Full Sized ที่ในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนพัฒนาโปรดักส์
RIDDARA ยังคงประสบความสำเร็จในตลาดประเทศจีน ด้วยการเป็นผู้นำด้านยอดขายกลุ่มรถกระบะพลังงานไฟฟ้า ด้วยยอดขายอันดับ 1 ติดต่อกัน 3 ปี นับแต่แต่ปี 2023 จนถึงปัจจุบัน สำหรับตลาดนอกประเทศ ปี 2025 จะขยายไปยังตลาด Australia, New Zealand, Mexico และ Brazil ต่อจากนั้นในปี 2026 จะขยับขยายสู่ตลาด USA, Canada และ EU ต่อไป
ในประเทศไทย กลุ่มลูกค้าของ RD6 แบ่งออกเป็น RIDDARA RD6 2WD 64% และ RIDDARA RD6 4WD 36% ส่วนส่วนสีขาวเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดถึง 38% สำหรับเหตุผลที่คนเลือกรถรุ่นนี้ 45% เพราะเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และอีก 25% เป็นเรื่องของต้นทุนของเจ้าของกิจการ
เป้ายอดขายในปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เคยประกาศไว้ที่ 10,000 คันในปี 2025 โดยเป็นการปรับลดลงเหลือ 5,000 คันเท่านั้นในปีนี้ ด้วยเหตุผลของสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป โดยในปัจจุบัน RIDDARA RD6 มียอดส่งมอบสะสมเกือบพันคัน เท่ากับว่าอีกครึ่งปีหลังจากนี้ยังต้องการยอดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายอีกราย 4 พันคัน แต่อย่างไรก็ตาม ทาง RIDDARA มียอดดีลและรอบส่งมอบในกลุ่มของรถฟรีต (Fleet Car) ในช่วงเดือนก.ค. 68 อีกจำนวนหนึ่ง จึงเชื่อว่ายังจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ปรับใหม่ครั้งนี้
ส่วนเรื่องการทำแคมเปญลดราคาเพื่อกระตุ้นตลาด ทาง RIDDARA ยืนยันถือการไม่ร่วมในสงครามราคา ด้วยการปรับลดราคา แต่จะยังมีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายตามปกติ อาทิ ดอกเบี้ย 0% ขับฟรี 2 เดือน หรือดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ย 0% สำหรับอาชีพพิเศษ
ปัจจุบัน RIDDARA มีโชว์รูมทั่วประเทศ 18 แห่งทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายขยายให้ได้ 40 แห่ง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบัน ทาง RIDDARA ยังไม่ได้เร่งดำเนินการขยายโชว์รูมที่เกินจำเป็น ตั้งเป้าพัฒนา 18 แห่งปัจจุบันให้มีความแข็งแกร่งที่สุดก่อน