ว่าด้วยเรื่อง "คลัทช์" หลายคนอาจคิดว่า มีแต่ในรถยนต์เกียร์ธรรมดา แต่จริง ๆ แล้ว คลัทช์ มีทั้งในรถยนต์ทั้ง 2 แบบ ทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ใช้คลัทช์แบบอัตโนมัตินั่นเอง ครั้งนี้มาว่ากันถึงอาการคลัทช์ลื่นกัน
คลัทช์ลื่น คืออะไร คือ การที่แผ่นผ้าคลัทช์ไม่สามารถจับตัวได้ดีกับหน้าสัมผัสบนฟายวีล (FLY WHEEL) หรือล้อช่วยแรงที่อยู่บริเวณด้านท้ายของเครื่องยนต์ ทำให้การการตัดหรือต่อกำลัง จากเครื่องยนต์กับชุดเกียร์ ไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร
เราอาจจะสังเกตได้จากขณะเร่งเครื่อง โดยเฉพาะการเริ่มต้นออกรถหรือในตำแหน่งเกียร์ต่ำ ซึ่งก็มักจะมีอาการดังนี้ เช่น ขณะออกรถคล้ายกับว่าออกแรงได้ไม่เต็มที่ แต่รถไม่ค่อยวิ่งทั้ง ๆ ที่รอบเครื่องยนต์ขึ้นสูง, กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น แต่รถไม่วิ่ง, มีกลิ่นเหม็นไหม้ออกมาจากชุดคลัทช์ (กลิ่นจะคล้าย ๆ กับผ้าเบรกไหม้) และรถยนต์ไม่มีกำลังขึ้นทางลาดชัน เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ คลัทช์ลื่น ก็มาจากหลายอย่างด้วยกัน เช่น ไม่ออกรถด้วยเกียร์ 1, แผ่นผ้าคลัทช์เหลือน้อยมาก เนื่องจากใช้งานมานาน, ผู้ขับขี่มีนิสัยชอบเลี้ยงคลัทช์เวลาขับรถ, ผู้ขับขี่วางเท้าไว้บนแป้นคลัทช์ขณะขับรถ, ชอบขับรถลุยน้ำบ่อย ๆ หรือการเปลี่ยนไปใช้ยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ขอบกระทะล้อกว้างมาก ๆ อย่างขอบ 18 หรือ 19 นิ้ว ก็จะส่งผลให้ชุดคลัทช์ทำงานมากขึ้น จึงทำให้แผ่นผ้าคลัทช์หมดเร็วกว่าปรกติ ทำให้เกิดอาการคลัทช์ลื่นได้เช่นกัน
ถ้าเมื่อไหร่ต้องใช้แรงในการเหยียบคลัทช์มากขึ้นและเข้าเกียร์ได้ยากขึ้น นั่นอาจจะมาจากแผ่นผ้าคลัทช์ใกล้หมดแล้วก็เป็นได้ การจะทดสอบอาการคลัทช์ลื่นนั้น สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน
อายุการใช้งานของแผ่นผ้าคลัทช์นั้น โดยทั่ว ๆ ไปก็จะใช้ได้ประมาณ 80,000 – 1 แสนกิโลเมตร ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับรถของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร? ออกรถกระชากบ่อย ๆ หรือไม่? เวลาขับรถชอบวางเท้าซ้ายไว้บนแป้นคลัทช์ตลอดเวลาหรือไม่? แต่ถ้าใช้คลัทช์อย่างถูกวิธีแล้ว รับรองว่าใช้คลัทช์ได้เกิน 1 แสนกิโลเมตรแน่นอน