ในสมรภูมิยานยนต์ไร้มลพิษ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) อาจดูเหมือนเป็นผู้ชนะที่เข้าเส้นชัยไปก่อน แต่ในโลกของวิศวกรรม "ผู้ที่มาถึงก่อนอาจไม่ใช่ผู้ที่อยู่รอดนานที่สุด" ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่าน ยังมีพลังงานอีกชนิดหนึ่งที่ถูกขนานนามว่าเป็น "เชื้อเพลิงในอุดมคติ" นั่นคือ ไฮโดรเจน (Hydrogen) ซึ่งกำลังซุ่มพัฒนาเพื่อกลับมาทวงคืนพื้นที่ในฐานะทางเลือกสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ
ทำไม EV ถึงอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย?
แม้รถ EV จะขับดีและประหยัด แต่ก็ยังมี "ข้อจำกัด" ที่แก้ไม่ตก 3 ประการ คือ
- น้ำหนักแบตเตอรี่ ยิ่งต้องการวิ่งไกล แบตเตอรี่ต้องใหญ่และหนักขึ้น (ซึ่งกินพลังงานตัวเอง)
- ระยะเวลาชาร์จ แม้จะเร็วขึ้นแต่ก็ยังต้องรอนานกว่าการเติมน้ำมัน
- ทรัพยากรจำกัด การผลิตแบตเตอรี่ต้องใช้แร่ลิเธียมและโคบอลต์มหาศาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการทำเหมือง
ทำไมไฮโดรเจนถึง "ว้าว" กว่า?
- เติมไวเหมือนน้ำมัน รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน (FCEV) ใช้การเติมก๊าซไฮโดรเจนเข้าถังแรงดันสูง ซึ่งใช้เวลาเพียง 3-5 นาที สำหรับการวิ่งระยะทาง 600-800 กิโลเมตร ตอบโจทย์คนใจร้อนและรถขนส่งเชิงพาณิชย์ที่ต้องทำเวลา
- ปล่อยแค่น้ำเปล่า กระบวนการในเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) คือการนำไฮโดรเจนไปทำปฏิกิริยากับออกซิเจนเพื่อสร้างไฟฟ้า ผลลัพธ์เดียวที่ออกมาจากท่อไอเสียคือ H₂O หรือน้ำบริสุทธิ์ ซึ่งสะอาดจนถึงขั้นดื่มได้ (ถ้าผ่านระบบกรองมาตรฐาน) แถมยังช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 ในอากาศรอบๆ ขณะวิ่งได้อีกด้วย
- น้ำหนักเบาและวิ่งได้ไกลกว่า ถังไฮโดรเจนมีน้ำหนักเบากว่าแผงแบตเตอรี่หลายเท่า ทำให้รถบรรทุกขนาดใหญ่หรือเครื่องบินสามารถบรรทุกของได้มากขึ้นโดยไม่ต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่ส่วนเกิน
อุปสรรคยักษ์ใหญ่ ทำไมวันนี้เรายังไม่เห็นรถไฮโดรเจนเต็มถนน?
ถ้ามันดีขนาดนั้น ทำไมเราถึงยังใช้ EV กันอยู่? คำตอบคือ "ต้นทุนและโครงสร้างพื้นฐาน"
- สถานีเติมก๊าซ การสร้างปั๊มไฮโดรเจน 1 แห่ง ใช้ต้นทุนสูงกว่าสถานีชาร์จไฟฟ้าหลายเท่า และการขนส่งก๊าซไฮโดรเจนทำได้ยากกว่าการส่งไฟฟ้าตามสาย
- ราคาไฮโดรเจน ปัจจุบันการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) ที่สะอาดจริงๆ ยังมีราคาสูงเมื่อเทียบกับค่าไฟ
วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ไฮโดรเจนจะมาเสียบแทน EV ได้เมื่อไหร่?
นักวิเคราะห์มองว่าโลกยานยนต์จะแบ่งเป็น 2 เส้นทางขนานกัน ไม่ใช่การแทนที่กันทั้งหมด
- EV (ไฟฟ้าแบตเตอรี่) จะครองตลาด รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถที่ใช้ในเมืองเป็นหลัก เพราะชาร์จที่บ้านได้และสะดวกกว่า
- Hydrogen (ไฮโดรเจน) จะกลายเป็น "ราชา" ของ การขนส่งหนัก (Long-haul) เช่น รถสิบล้อข้ามจังหวัด, เรือขนส่งสินค้า, รถบัสทางไกล และเครื่องบิน ซึ่งแบตเตอรี่แบบเดิมรับมือไม่ไหว
จุดเปลี่ยนสำคัญ หากเทคโนโลยีการแยกไฮโดรเจนจากน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Green Hydrogen) ถูกลงจนเท่ากับราคาน้ำมัน เมื่อนั้นเราจะเห็น "ปั๊มไฮโดรเจน" ผุดขึ้นแทนที่ปั๊มน้ำมัน และรถยนต์ทั่วไปอาจจะเปลี่ยนมาใช้ไฮโดรเจนกันมากขึ้น
พลังงานที่เป็นมิตรต่อโลกที่สุด
ไฮโดรเจนอาจไม่ใช่ "คู่แข่ง" ที่มาทำลาย EV แต่คือ "จิ๊กซอว์" ที่มาเติมเต็มส่วนที่ EV ทำไม่ได้ ในอนาคตคุณอาจจะมีรถ EV คันเล็กไว้ขับไปทำงาน และมีรถไฮโดรเจนคันใหญ่ไว้ขับพาสมาชิกทั้งบ้านไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรอคิวชาร์จไฟนานๆ อีกต่อไป