ในโลกของยานยนต์ เครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินถือเป็นขุมพลังหลักที่ขับเคลื่อนรถยนต์ของเรามาอย่างยาวนาน แต่คำถามยอดฮิตที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันบ่อยครั้งคือ “เครื่องยนต์ดีเซลทนทานกว่าเครื่องยนต์เบนซินจริงหรือไม่?” พาไปดูหลักการทำงาน ข้อดี-ข้อเสีย และความแตกต่างที่ทำให้เครื่องยนต์ทั้งสองประเภทนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เครื่องยนต์ดีเซล ทนทานกว่าจริงหรือ?
คำตอบคือ “ใช่” โดยทั่วไปแล้ว เครื่องยนต์ดีเซลมีความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งเหตุผลหลักมาจากหลักการทำงานและโครงสร้างภายในของตัวเครื่องยนต์เอง
- แรงอัดที่สูงกว่า เครื่องยนต์ดีเซลทำงานโดยการอัดอากาศอย่างรุนแรงจนเกิดความร้อนสูงเพื่อจุดระเบิดเชื้อเพลิง ซึ่งแรงอัดนี้สูงกว่าเครื่องยนต์เบนซินมาก ดังนั้นชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ลูกสูบ, เสื้อสูบ, และข้อเหวี่ยง จึงถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษเพื่อรองรับแรงดันมหาศาลนี้
- รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า เครื่องยนต์ดีเซลส่วนใหญ่จะให้กำลังแรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำ ทำให้ไม่ต้องใช้รอบเครื่องสูงในการขับเคลื่อน ซึ่งรอบที่ต่ำกว่านี้จะช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายใน ทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
- ไม่มีระบบจุดระเบิดด้วยไฟฟ้า เครื่องยนต์ดีเซลไม่มีหัวเทียน แต่ใช้การอัดอากาศจนเกิดความร้อนสูงเพื่อจุดระเบิด ทำให้มีชิ้นส่วนทางไฟฟ้าที่น้อยกว่า ลดโอกาสในการเกิดปัญหาจุกจิกจากระบบจุดระเบิด
ทำความเข้าใจการทำงาน ดีเซล vs เบนซิน
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดของเครื่องยนต์ทั้งสองชนิดนี้คือ วิธีการจุดระเบิดเชื้อเพลิง
เครื่องยนต์เบนซิน (Gasoline Engine)
- หลักการทำงาน เป็นเครื่องยนต์แบบ จุดระเบิดด้วยประกายไฟ (Spark Ignition)
- กระบวนการ ในจังหวะดูด ลูกสูบจะดูดส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในห้องเผาไหม้ จากนั้นในจังหวะอัด ลูกสูบจะอัดส่วนผสมนี้ให้มีแรงดันสูงขึ้น เมื่อถึงจังหวะระเบิด หัวเทียน จะทำหน้าที่ปล่อยประกายไฟเพื่อจุดระเบิดส่วนผสมดังกล่าว ทำให้เกิดแรงดันมหาศาลผลักลูกสูบลงมาเพื่อสร้างกำลัง
- ลักษณะเด่น มีรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่า ทำให้มีความเร็วสูงสุดและอัตราเร่งที่ดีกว่า แต่มีแรงบิดที่รอบต่ำน้อยกว่า จึงไม่เหมาะกับการลากจูงหรือบรรทุกของหนัก
เครื่องยนต์ดีเซล (Diesel Engine)
- หลักการทำงาน เป็นเครื่องยนต์แบบ จุดระเบิดด้วยการอัด (Compression Ignition)
- กระบวนการ ในจังหวะดูด ลูกสูบจะดูด อากาศบริสุทธิ์ เข้ามาในห้องเผาไหม้ จากนั้นในจังหวะอัด ลูกสูบจะอัดอากาศนั้นจนมีอุณหภูมิสูงขึ้นถึงจุดที่สามารถจุดไฟได้เอง เมื่อถึงจังหวะระเบิด หัวฉีด จะฉีดน้ำมันดีเซลเข้าไปเป็นละอองฝอย ซึ่งจะเกิดการเผาไหม้และระเบิดขึ้นเองด้วยความร้อนจากการอัดอากาศนั้น ทำให้เกิดแรงดันสูงผลักลูกสูบลงมาเพื่อสร้างกำลัง
- ลักษณะเด่น มีแรงบิดสูงในรอบต่ำ ทำให้เหมาะกับการบรรทุกของหนักหรือใช้งานที่ต้องการกำลังฉุดลาก อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันมากกว่าเนื่องจากมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงกว่า
การเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย
คุณสมบัติ | เครื่องยนต์เบนซิน | เครื่องยนต์ดีเซล |
ความทนทาน | น้อยกว่า | มากกว่า |
การประหยัดน้ำมัน | น้อยกว่า | มากกว่า |
แรงบิด (Torque) | น้อยกว่าในรอบต่ำ | มากกว่าในรอบต่ำ |
อัตราเร่ง/ความเร็วสูง | ดีกว่า | น้อยกว่า |
ความนุ่มนวล/เสียง | นุ่มนวลและเงียบกว่า | มีเสียงดังและสั่นสะเทือนมากกว่า |
ราคา/ค่าบำรุงรักษา | ราคาเครื่องยนต์ถูกกว่า, ค่าบำรุงรักษาถูกกว่า | ราคาเครื่องยนต์แพงกว่า, ค่าบำรุงรักษาแพงกว่า |
การเลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซลหรือเบนซินขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การใช้งานเป็นหลัก หากคุณต้องการรถที่ให้ความนุ่มนวล เงียบ และมีอัตราเร่งที่ดีสำหรับขับในเมืองเป็นหลัก เครื่องยนต์เบนซินคือคำตอบ แต่หากคุณเน้นการใช้งานหนัก, การบรรทุก, หรือการเดินทางไกลที่ต้องการความประหยัดและกำลังแรงบิดสูง เครื่องยนต์ดีเซลคือตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองชนิดมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดข้อเสียและเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี