Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทำไมรถที่ใช้ต้องเลือกค่า 'ออกเทน' ให้ถูกเบอร์ เข้าใจก่อนเติมน้ำมันรถ

ทำไมรถที่ใช้ต้องเลือกค่า 'ออกเทน' ให้ถูกเบอร์ เข้าใจก่อนเติมน้ำมันรถ

21 ส.ค. 68
16:00 น.
แชร์

น้ำมันเชื้อเพลิงที่เราใช้เติมรถยนต์ในชีวิตประจำวันนั้นไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว แต่มีหลายชนิด และความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ "ค่าออกเทน" ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการต้านทานการน็อกของเครื่องยนต์ ไปดูความหมายของค่าออกเทน ความแตกต่างในน้ำมันแต่ละชนิด และเหตุผลว่าทำไมรถยนต์บางคันถึงเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนต่างกันไม่ได้

ค่าออกเทนคืออะไร?

ค่าออกเทน (Octane Rating) คือตัวเลขที่ใช้วัดความสามารถของน้ำมันเบนซินในการต้านทานการจุดระเบิดตัวเองก่อนเวลาอันควร หรือที่เรียกว่า "การน็อก" (knocking) หรือ "การชิงจุดระเบิด" (premature ignition) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อส่วนผสมระหว่างอากาศและน้ำมันในกระบอกสูบเกิดการเผาไหม้ก่อนจังหวะที่หัวเทียนจะจุดประกายไฟ ทำให้เกิดเสียงดัง "กึกๆ" ในเครื่องยนต์ หากเกิดการน็อกบ่อยครั้งจะส่งผลเสียต่อชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์อย่างรุนแรง เช่น ลูกสูบ, วาล์ว และก้านสูบ

ค่าออกเทนจะถูกกำหนดโดยการเปรียบเทียบกับสารเคมีสองชนิด คือ ไอโซออกเทน (iso-octane) ซึ่งถูกกำหนดให้มีค่าออกเทน 100 และเฮปเทน (heptane) ซึ่งมีค่าออกเทน 0 ดังนั้น น้ำมันที่มีค่าออกเทน 95 หมายความว่ามีคุณสมบัติในการต้านทานการน็อกเทียบเท่ากับส่วนผสมของไอโซออกเทน 95% และเฮปเทน 5%

ความแตกต่างของค่าออกเทนในน้ำมันแต่ละชนิด

น้ำมันเบนซินในท้องตลาดมีค่าออกเทนที่แตกต่างกันไป โดยชนิดหลักๆ ที่เราคุ้นเคยคือ

  • เบนซิน 91 / แก๊สโซฮอล์ 91 (E10) องค์ประกอบ น้ำมันเบนซินบริสุทธิ์ที่มีค่าออกเทน 91 ผสมกับเอทานอล 10% (จึงเรียกว่า E10) มีค่าออกเทนขั้นต่ำ 91 ตามที่ระบุไว้บนหัวจ่าย เหมาะสำหรับรถยนต์รุ่นเก่าที่เครื่องยนต์มีอัตราส่วนการอัดไม่สูงมากนัก และถูกออกแบบมาให้ใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทน 91 เป็นมาตรฐาน หากรถยนต์ของคุณถูกระบุให้เติมน้ำมันชนิดนี้ การเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใดๆ แต่กลับเป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์
  • เบนซิน 95 / แก๊สโซฮอล์ 95 (E10) องค์ประกอบ น้ำมันเบนซินบริสุทธิ์ที่มีค่าออกเทน 95 ผสมกับเอทานอล 10% มีค่าออกเทนขั้นต่ำ 95 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นใหม่ๆ เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ผู้ผลิตกำหนดให้ใช้ค่าออกเทน 95 หากเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนต่ำกว่านี้ อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติและเกิดการน็อกได้ เพราะเครื่องยนต์สมัยใหม่มักมีอัตราส่วนการอัดที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  • แก๊สโซฮอล์ E20 องค์ประกอบ น้ำมันเบนซินพื้นฐาน (มักมีค่าออกเทน 95) ผสมกับเอทานอล 20% ค่าออกเทน เอทานอลมีค่าออกเทนสูงกว่าเบนซิน (ค่าออกเทนวิจัยหรือ RON ของเอทานอลอยู่ที่ประมาณ 107) การเพิ่มปริมาณเอทานอลจึงช่วยเพิ่มค่าออกเทนโดยรวมของน้ำมัน E20 ให้สูงขึ้นกว่า 95 เล็กน้อย (ประมาณ 95-98) ใช้ได้กับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับน้ำมัน E20 โดยเฉพาะ หากนำไปใช้กับรถที่ไม่ได้รองรับ อาจทำให้ชิ้นส่วนที่เป็นยางหรือพลาสติกในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดความเสียหายได้
  • แก๊สโซฮอล์ E85 องค์ประกอบ น้ำมันเบนซินพื้นฐาน (มักมีค่าออกเทน 95) ผสมกับเอทานอลสูงถึง 85% มีค่าออกเทนสูงที่สุดในบรรดาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับรถเบนซินทั่วไป (ประมาณ 105) ใช้ได้กับรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเชื้อเพลิงยืดหยุ่น (Flexible Fuel Vehicle หรือ FFV) เท่านั้น ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์ของรถประเภทนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทนทานต่อการกัดกร่อนของเอทานอลที่เข้มข้น และสามารถปรับการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมกับปริมาณเอทานอลได้

น้ำมันพรีเมียม (Premium Gasoline)

  • องค์ประกอบ มักเป็นน้ำมันเบนซิน 95 หรือ 97 ที่ผสมสารเพิ่มคุณภาพ (Additive) ต่างๆ เช่น สารชะล้างหัวฉีด สารลดการสะสมของคราบเขม่า และสารลดแรงเสียดทาน
  • ค่าออกเทน มีค่าออกเทนสูงกว่าน้ำมันทั่วไป เช่น 97 หรือ 98
  • เหมาะสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงหรือรถยนต์ที่ผู้ผลิตแนะนำให้ใช้ค่าออกเทนสูงกว่า 95 ซึ่งอาจมีอัตราส่วนการอัดที่สูงมากเป็นพิเศษ การใช้สารเพิ่มคุณภาพจะช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้นและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น แต่สำหรับรถยนต์ทั่วไป การเติมน้ำมันพรีเมียมอาจไม่เห็นผลที่ชัดเจนในด้านสมรรถนะ

ความแตกต่างของน้ำมันดีเซล

สำหรับน้ำมันดีเซลนั้น ไม่ได้มีการวัดค่าออกเทน เหมือนกับน้ำมันเบนซิน แต่จะใช้ ค่าซีเทน (Cetane Number) แทน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการจุดติดไฟของน้ำมันดีเซล ยิ่งค่าซีเทนสูงเท่าไหร่ น้ำมันดีเซลก็จะยิ่งจุดระเบิดได้ง่ายและเร็วขึ้น ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบและเงียบกว่า

  • ดีเซล B7 / B10 / B20 ตัวเลขบ่งบอกถึงปริมาณไบโอดีเซล (B100) ที่ผสมอยู่ เช่น ดีเซล B7 คือน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลผสมอยู่ไม่เกิน 7% โดยค่าซีเทนของน้ำมันดีเซลทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 48-50 ส่วนดีเซลพรีเมียมจะมีค่าซีเทนสูงกว่า (ประมาณ 55) เพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และลดมลพิษ

ทำไมรถบางคันเติมได้ บางคันเติมไม่ได้?

เหตุผลหลักที่รถยนต์แต่ละคันถูกจำกัดชนิดของน้ำมันที่เติมได้นั้นมาจาก อัตราส่วนการอัด (Compression Ratio) ของเครื่องยนต์

  • เครื่องยนต์ที่มีอัตราส่วนการอัดต่ำ เครื่องยนต์ประเภทนี้ไม่ต้องการแรงอัดสูงก่อนการจุดระเบิด จึงสามารถใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนต่ำได้ เช่น เบนซิน 91 หากไปเติมน้ำมันค่าออกเทนสูงกว่าที่กำหนดก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ นอกจากเสียเงินเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น เพราะไม่ได้ช่วยให้รถแรงขึ้นหรือประหยัดน้ำมันขึ้น
  • เครื่องยนต์ที่มีอัตราส่วนการอัดสูง เครื่องยนต์ประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้ส่วนผสมของอากาศและน้ำมันถูกอัดแน่นมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้และให้กำลังเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น หากรถประเภทนี้ไปเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนต่ำ จะทำให้เกิดการชิงจุดระเบิดหรือ "น็อก" ขึ้นได้ เนื่องจากแรงอัดที่สูงเกินกว่าที่น้ำมันชนิดนั้นๆ จะทนทานได้ ซึ่งอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อเครื่องยนต์ในระยะยาวได้

ดังนั้น ผู้ผลิตรถยนต์จึงได้ระบุชนิดของน้ำมันที่เหมาะสมกับรถแต่ละรุ่นไว้ในคู่มือการใช้งานหรือที่ฝาถังน้ำมัน ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเครื่องยนต์นั้นๆ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย

ค่าออกเทนจึงเป็นตัวบ่งชี้ความสามารถในการต้านทานการน็อกของน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกเติมน้ำมันให้ถูกต้องกับชนิดของรถยนต์ หากรถยนต์ของคุณถูกออกแบบมาให้ใช้น้ำมันค่าออกเทนสูง ก็ควรเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนตามที่กำหนด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ และเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ แต่หากรถยนต์ของคุณสามารถเติมน้ำมันค่าออกเทนต่ำได้ การไปเติมน้ำมันค่าออกเทนที่สูงกว่าก็ไม่ได้ช่วยให้รถทำงานดีขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นการศึกษาคู่มือรถและเลือกเติมน้ำมันที่เหมาะสมที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้รถทุกคน

แชร์
ทำไมรถที่ใช้ต้องเลือกค่า 'ออกเทน' ให้ถูกเบอร์ เข้าใจก่อนเติมน้ำมันรถ