ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรก 2568 ไทย-กัมพูชา ปัญหาที่รุมเร้า อาจเศร้าไปกว่านี้
ปัญหาชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ ไทยและกัมพูชา ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง ด้วยความไม่เคารพต่อข้อตกลงหยุดยิงที่เคยตกลงกันเอาไว้ นั่นจึงทำให้ปัญหาที่ควรจะคลี่คลายกลับกลายเป็นเรื่องราวติดลบเพราะการไม่รักษาสัจจะและไม่ยึดหลักมนุษยธรรมที่เพียงพอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นอกจากเรื่องราวที่เริ่มจะบานปลาย ลองมาเปรียบเทียบถึงตลาดยานยนต์ในบ้านเรากับของบ้านขแมร์กันสักหน่อย ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เป็นมาเป็นไปอย่างไรกันบ้าง แม้บ้านเราจะกำลังเจอปัญหาเกี่ยวกับยอดขายของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เคยรุ่งโรจน์ แต่ในช่วงหลายปีให้หลังออกไปทางเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่กลับกันในด้านกัมพูชามีรายงานยอดขายเข้ามาในช่วงไตรมาสแรกมีการเติบโตอย่างน่าสนใจเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 อดคิดไม่ได้ว่าภาพรวมตลาดรถของประเทศกัมพูชากำลังไปได้ดี แต่การสร้างความไม่สงบแบบนี้จะทำให้พังทลายอีกรอบหรือไม่?
ตลาดขแมร์มียอดขายรถสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ราว 19,000 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 อยู่ที่ 12,830 คัน เมื่อคิดเป็นการเติบโตอยู่ราว 48% ตามรายงานของ Kevin Whitcraft ประธานบริษัท RMA (กัมพูชา) ด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตามข้อมูลของกรมขนส่งมีการจดทะเบียนทั้งหมด 2,253 คัน เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ยอดเพียง 313 คัน คิดเป็นการเติบโตถึง 620% มีรายงานเพิ่มเติมว่าแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยม 3 อันดับแรก ได้แก่ BYD, Toyota และ Tesla (อ้างอิง xinhuanet.com)
ด้านตลาดรถยนต์ในประเทศไทยช่วงไตรมาสแรกปี 2568 ช้ำใจกับการลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน -6.45% โดยมียอดขายสะสม 3 เดือนแรก มกราคม-มีนาคม 2568 จำนวน 153,193 คัน ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า 100% มียอดขายรวม 22,737 คัน เติบโตขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบรนด์รถไฟฟ้า 3 อันดับแรกคือ BYD, MG และ GAC Aion
เมื่อมองถึงการเติบโตของตลาดรถยนต์ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 ดูเหมือนตลาดขแมร์จะดูมีทิศทางด้วย แต่จำนวนยอดขายรถยนต์ยังน้อยกว่าตลาดบ้านเราหลายเท่าตัว แต่ที่น่าสนใจคือการเติบโตของกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ถึงกว่า 620% นับเป็นการกระโดดของกลุ่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกัมพูชา ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าการสร้างความสงบของชายแดนจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตมากน้อยแค่ไหนในปีนี้ และสำหรับตลาดประเทศไทยเอง ที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ถือว่าหดตัวลงต่อเนื่องแม้จะยังมีตลาดที่ใหญ่กว่ากัมพูชา แต่ด้วยปัญหารอบด้านทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และการเงิน รวมถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็ย่อมส่งผลกระทบอีกไม่มากก็น้อย
นอกจากจะต้องให้กำลังใจกำลังพลที่ปกป้องผืนแผ่นดินประเทศไทยแล้ว ก็ภาวนาหวังให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีในระยะเวลาที่ไม่ยืดเยื้อมากไปกว่านี้ และหวังให้ตลาดรถยนต์บ้านเรากลับมาพลิกฟื้นสดใสอีกรอบในเร็ววัน
