Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปรียบเทียบระบบเบรกในรถยนต์ ดิสก์เบรก vs ดรัมเบรก ต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบระบบเบรกในรถยนต์ ดิสก์เบรก vs ดรัมเบรก ต่างกันอย่างไร

3 ก.ค. 68
11:00 น.
แชร์

ระบบเบรก คือหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของรถยนต์ เพราะมันคือหัวใจหลักที่ช่วยให้เราควบคุมความเร็วและหยุดรถได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ หรือรถจักรยานยนต์ ก็ล้วนแล้วแต่ต้องมีระบบเบรกที่ดีเยี่ยมเพื่อความมั่นใจในการขับขี่ ในปัจจุบัน ระบบเบรกที่นิยมใช้กันในรถยนต์แบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ "ดิสก์เบรก" (Disc Brake) และ "ดรัมเบรก" (Drum Brake) หลายคนอาจสงสัยว่าระบบไหนดีกว่ากัน และมีความแตกต่างกันอย่างไร ไปดูหลักการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย ของทั้งสองระบบ และเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนว่าระบบไหนเหมาะสมกับสถานการณ์ใดมากกว่ากัน

ดรัมเบรก (Drum Brake) คืออะไร?

ดรัมเบรก หรือที่บางครั้งเรียกว่า "เบรกดุม" เป็นระบบเบรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาก่อนดิสก์เบรก และยังคงมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในรถยนต์บางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในล้อหลังของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะบางรุ่น และรถบรรทุก

หลักการทำงานของดรัมเบรก

ดรัมเบรกประกอบด้วยชิ้นส่วนหลักๆ ได้แก่

  • ดุมเบรก (Brake Drum) เป็นกระบอกโลหะทรงกลมขนาดใหญ่ที่ยึดติดอยู่กับดุมล้อและหมุนไปพร้อมกับล้อ
  • ผ้าเบรก (Brake Shoes) เป็นชิ้นส่วนรูปครึ่งวงกลมสองชิ้นที่ติดอยู่กับฐานด้านในของดุมเบรก แต่ละชิ้นมีผ้าเบรกบุอยู่ด้านนอก
  • กระบอกเบรก (Wheel Cylinder) เป็นอุปกรณ์ไฮดรอลิกที่อยู่ตรงกลางระหว่างผ้าเบรกทั้งสอง เมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรก น้ำมันเบรกจะถูกดันเข้าไปในกระบอกเบรก ทำให้ลูกสูบภายในกระบอกเบรกดันผ้าเบรกทั้งสองชิ้นให้กางออก
  • สปริงดึงกลับ (Return Springs) ทำหน้าที่ดึงผ้าเบรกกลับเข้าที่เมื่อปล่อยแป้นเบรก
  • กลไกปรับตั้งผ้าเบรกอัตโนมัติ (Self-Adjusting Mechanism) เป็นกลไกที่ช่วยปรับระยะห่างระหว่างผ้าเบรกกับดุมเบรกให้เหมาะสมอยู่เสมอ

เมื่อผู้ขับขี่เหยียบแป้นเบรก แรงดันจากน้ำมันเบรกจะดันผ้าเบรกให้กางออกไปเสียดสีกับผิวด้านในของดุมเบรก ทำให้เกิดแรงเสียดทานและชะลอการหมุนของล้อจนรถหยุด

ข้อดีของดรัมเบรก

  • ต้นทุนการผลิตต่ำ มีโครงสร้างที่ค่อนข้างเรียบง่าย ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าดิสก์เบรก
  • มีประสิทธิภาพในการเบรกมือ โดยทั่วไปแล้ว ดรัมเบรกจะถูกใช้สำหรับเบรกมือ (เบรกจอด) เนื่องจากมีกลไกที่ง่ายต่อการทำงานแบบกลไก และสามารถล็อคล้อได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อจอดรถ
  • ป้องกันสิ่งสกปรกได้ดีกว่า โครงสร้างแบบปิดของดรัมเบรกช่วยป้องกันฝุ่น น้ำ และสิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปภายในระบบเบรกได้ดีกว่า

ข้อเสียของดรัมเบรก

  • ระบายความร้อนได้ไม่ดี เนื่องจากเป็นระบบแบบปิด ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีจะสะสมอยู่ภายในดุมเบรก ทำให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลงเมื่อใช้งานหนักหรือเบรกบ่อยครั้ง (อาการเบรกเฟด - Brake Fade)
  • ประสิทธิภาพการเบรกด้อยกว่า โดยรวมแล้ว ประสิทธิภาพในการเบรกของดรัมเบรกจะด้อยกว่าดิสก์เบรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเบรกฉุกเฉินหรือการเบรกต่อเนื่อง
  • การบำรุงรักษาซับซ้อนกว่า การถอดและประกอบเพื่อบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนผ้าเบรกมีความซับซ้อนมากกว่าดิสก์เบรก และต้องมีการปรับตั้งระยะห่างของผ้าเบรก
  • การตอบสนองช้ากว่า การตอบสนองของดรัมเบรกมักจะช้ากว่าดิสก์เบรกเล็กน้อย

ดิสก์เบรก (Disc Brake) คืออะไร?

ดิสก์เบรกเป็นระบบเบรกที่ทันสมัยกว่าและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เกือบทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในล้อหน้าซึ่งเป็นจุดที่ต้องการประสิทธิภาพการเบรกสูงสุด

หลักการทำงานของดิสก์เบรก

ดิสก์เบรกประกอบด้วยชิ้นส่วนหลักๆ ได้แก่

  • จานเบรก (Brake Disc หรือ Rotor) เป็นแผ่นโลหะทรงกลมแบนที่ยึดติดอยู่กับดุมล้อและหมุนไปพร้อมกับล้อ
  • คาลิปเปอร์เบรก (Brake Caliper) เป็นชิ้นส่วนที่ครอบจานเบรกอยู่ภายในคาลิปเปอร์มีลูกสูบ (Piston) และผ้าเบรก (Brake Pads) สองชิ้นประกบอยู่คนละด้านของจานเบรก
  • ผ้าเบรก (Brake Pads) เป็นแผ่นวัสดุเสียดทานที่ทำจากสารประกอบต่างๆ เพื่อให้เกิดแรงเสียดทานสูงสุดเมื่อสัมผัสกับจานเบรก
  • สายอ่อนเบรก (Brake Hose) ท่อนำน้ำมันเบรกจากแม่ปั๊มเบรกไปยังคาลิปเปอร์

เมื่อผู้ขับขี่เหยียบแป้นเบรก แรงดันจากน้ำมันเบรกจะดันลูกสูบในคาลิปเปอร์เบรกให้บีบผ้าเบรกทั้งสองชิ้นเข้าหากัน ประกบกับจานเบรกที่กำลังหมุนอยู่ ทำให้เกิดแรงเสียดทานที่สูงมากและชะลอการหมุนของล้อจนรถหยุด เมื่อปล่อยแป้นเบรก ลูกสูบจะคลายตัวออก และผ้าเบรกจะถอยห่างจากจานเบรก

ข้อดีของดิสก์เบรก

  • ประสิทธิภาพการเบรกสูงกว่า ให้แรงเบรกที่เหนือกว่าและมีประสิทธิภาพในการหยุดรถที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเบรกฉุกเฉินหรือการเบรกที่ความเร็วสูง
  • ระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม โครงสร้างแบบเปิดของดิสก์เบรกช่วยให้ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีสามารถระบายออกสู่ภายนอกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลดปัญหาเบรกเฟดเมื่อใช้งานหนัก
  • การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ ให้ความรู้สึกที่มั่นคงและตอบสนองได้รวดเร็วกว่าดรัมเบรก ทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ดีขึ้น
  • บำรุงรักษาง่ายกว่า การเปลี่ยนผ้าเบรกทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการเปลี่ยนผ้าเบรกของดรัมเบรก
  • น้ำหนักเบากว่า โดยรวมแล้ว ดิสก์เบรกมักจะมีน้ำหนักเบากว่าดรัมเบรก ซึ่งช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง (Unsprung Weight) และส่งผลดีต่อการควบคุมรถ

ข้อเสียของดิสก์เบรก

  • ต้นทุนการผลิตสูงกว่า ด้วยชิ้นส่วนที่ซับซ้อนกว่าและวัสดุที่มีคุณภาพสูงกว่า ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าดรัมเบรก
  • มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งสกปรกได้ง่ายกว่า เนื่องจากเป็นระบบแบบเปิด ทำให้มีโอกาสที่ฝุ่น น้ำ หรือโคลนจะเข้าไปสัมผัสกับจานเบรกและผ้าเบรกได้ง่ายกว่า (แต่โดยทั่วไปไม่ได้ส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการเบรกมากนัก)
  • อาจเกิดเสียงดังเมื่อเบรก บางครั้งอาจมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเกิดขึ้นได้หากผ้าเบรกสกปรกหรือเสื่อมสภาพ

การเปรียบเทียบ ดิสก์เบรก vs ดรัมเบรก อันไหนดีกว่า?

คุณสมบัติ

ดรัมเบรก (Drum Brake)

ดิสก์เบรก (Disc Brake)

ประสิทธิภาพการเบรก

ต่ำกว่า, มีแนวโน้มเกิดเบรกเฟด

สูงกว่า, ระบายความร้อนดี, ทนทานต่อเบรกเฟด

การระบายความร้อน

ไม่ดี, ความร้อนสะสมง่าย

ดีมาก, ระบายความร้อนสู่ภายนอกได้รวดเร็ว

การตอบสนอง

ช้ากว่าเล็กน้อย

รวดเร็วและแม่นยำ

ต้นทุน

ต่ำ

สูง

การบำรุงรักษา

ซับซ้อนกว่า, เปลี่ยนผ้าเบรกยากกว่า

ง่ายกว่า, เปลี่ยนผ้าเบรกได้รวดเร็ว

น้ำหนัก

หนักกว่า

เบากว่า

การใช้งานร่วมกับเบรกมือ

เหมาะสมมาก

มีข้อจำกัด (มักใช้คาลิปเปอร์แยกต่างหากสำหรับเบรกมือ)

ความทนทานต่อสิ่งสกปรก

ดีกว่า (ระบบปิด)

น้อยกว่า (ระบบเปิด)

โดยภาพรวมแล้ว ดิสก์เบรกมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าดรัมเบรกในเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพการเบรก การระบายความร้อน การตอบสนอง และความสะดวกในการบำรุงรักษา นี่คือเหตุผลที่รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่เลือกใช้ดิสก์เบรกในล้อหน้า (และบางครั้งก็ใช้ทั้งสี่ล้อ)

อย่างไรก็ตาม ดรัมเบรกก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะในล้อหลังของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ หรือรถบรรทุก เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่า และยังคงมีประสิทธิภาพที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในล้อหลังที่รับน้ำหนักการเบรกน้อยกว่าล้อหน้า อีกทั้งยังเหมาะสมกับระบบเบรกมือแบบกลไกอีกด้วย

  • ดิสก์เบรก ดีกว่าในด้านประสิทธิภาพการเบรกสูงสุด การระบายความร้อน และความปลอดภัยในการขับขี่ที่ความเร็วสูงหรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน เหมาะสำหรับล้อหน้าที่รับภาระการเบรกมากที่สุด
  • ดรัมเบรก ดีกว่าในด้านต้นทุน และความเหมาะสมกับการเป็นเบรกมือ เหมาะสำหรับล้อหลังในรถยนต์บางประเภทที่ต้องการความคุ้มค่าและไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพการเบรกที่สูงเท่าล้อหน้า

ในรถยนต์สมัยใหม่ เราจึงมักเห็นการผสมผสานการใช้งานระหว่างสองระบบนี้ นั่นคือใช้ดิสก์เบรกที่ล้อหน้า และดรัมเบรกที่ล้อหลัง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมและต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุดนั่นเอง

แชร์
เปรียบเทียบระบบเบรกในรถยนต์ ดิสก์เบรก vs ดรัมเบรก ต่างกันอย่างไร