หลังจากที่สนุกกับการเดินทางท่องเที่ยวทางไกล ไม่ว่าจะกลับจากทริปพักผ่อนต่างจังหวัด หรือการเดินทางข้ามประเทศที่ต้องใช้รถยนต์เป็นพาหนะคู่ใจ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการตรวจเช็กสภาพรถยนต์อย่างละเอียดถี่ถ้วน การขับขี่ทางไกลส่งผลให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นและอาจเกิดการสึกหรอ หรือความเสียหายเล็กน้อยที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ในทันที การละเลยการตรวจเช็กเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงในอนาคต หรือแม้กระทั่งความไม่ปลอดภัยในการขับขี่ประจำวัน ดังนั้น การสละเวลาเพียงเล็กน้อยในการตรวจเช็กและบำรุงรักษาหลังการเดินทางไกลจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรตรวจเช็กและสาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้น
ยางรถยนต์
ยางรถยนต์เป็นส่วนที่รับภาระหนักที่สุดตลอดการเดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นการรับน้ำหนักรถ สัมผัสกับพื้นผิวถนนที่หลากหลาย และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การตรวจเช็กยางจึงเป็นอันดับแรกที่ควรทำ
- แรงดันลมยาง การขับขี่ทางไกลเป็นเวลานานอาจทำให้แรงดันลมยางเปลี่ยนแปลงไปจากสภาวะปกติ ควรตรวจเช็กแรงดันลมยางให้เป็นไปตามค่าที่ผู้ผลิตกำหนด (มักระบุไว้ที่ขอบประตูฝั่งคนขับ หรือในคู่มือรถ) หากแรงดันลมยางอ่อนเกินไปจะส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและยางสึกหรอเร็วขึ้น ในทางกลับกัน หากแรงดันลมยางแข็งเกินไปจะทำให้การยึดเกาะถนนลดลงและส่งผลต่อความนุ่มนวลในการขับขี่
- สภาพดอกยาง ตรวจสอบความลึกของดอกยางว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยหรือไม่ (โดยทั่วไปคือไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร) หากดอกยางสึกหรอมากเกินไป จะลดประสิทธิภาพในการรีดน้ำและเพิ่มความเสี่ยงต่อการลื่นไถลบนถนนเปียก นอกจากนี้ ให้สังเกตรอยแตก รอยฉีกขาด หรือวัตถุแปลกปลอม เช่น ตะปู หรือหินที่ฝังอยู่ในดอกยาง หากพบควรรีบนำรถเข้าอู่เพื่อดำเนินการแก้ไขหรือเปลี่ยนยางทันที
- รอยนูน/บวมที่แก้มยาง รอยนูนหรือบวมที่แก้มยางบ่งชี้ถึงความเสียหายภายในโครงสร้างยาง ซึ่งอาจเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรงกับขอบถนน หรือหลุมบ่อ เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่ายางอาจระเบิดได้ ควรเปลี่ยนยางทันทีหากพบเห็น
- ความสมดุลของยาง หากรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่น หรือรถมีอาการส่ายหลังจากเดินทางไกล อาจเป็นสัญญาณว่ายางสูญเสียความสมดุล ซึ่งอาจเกิดจากการกระแทกหรือการสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอ การตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้
ระบบเบรก
ระบบเบรกคือหัวใจสำคัญของความปลอดภัยในการขับขี่ การทำงานหนักของการเบรกระหว่างการเดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นการเบรกกะทันหัน หรือการเบรกบ่อยครั้งบนเส้นทางลงเขา อาจทำให้ชิ้นส่วนเบรกสึกหรอได้
- ผ้าเบรก ตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก หากผ้าเบรกบางลงจนใกล้หมด จะลดประสิทธิภาพการเบรกและอาจทำให้จานเบรกเสียหายได้ สังเกตเสียงเบรกที่ผิดปกติ เช่น เสียงเสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผ้าเบรกใกล้หมด
- จานเบรก สังเกตว่าจานเบรกมีรอยไหม้ รอยขีดข่วนลึก หรือรอยคดงอหรือไม่ หากพบควรรีบปรึกษาช่าง
- ระดับน้ำมันเบรก ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกในกระปุก หากระดับน้ำมันเบรกลดลงอย่างผิดปกติ อาจบ่งบอกถึงการรั่วไหลในระบบเบรก
- ความรู้สึกของแป้นเบรก หากรู้สึกว่าแป้นเบรกนิ่มยวบ หรือต้องเหยียบเบรกลึกกว่าปกติ อาจมีอากาศในระบบเบรก หรือระบบเบรกมีปัญหา
ของเหลวในรถยนต์
การขับขี่ทางไกลทำให้เครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ ทำงานภายใต้อุณหภูมิสูงและระยะเวลาที่นานขึ้น การตรวจสอบระดับและคุณภาพของของเหลวในรถจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- น้ำมันเครื่อง ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ และสังเกตสีของน้ำมันเครื่อง หากมีสีดำเข้มและมีกลิ่นไหม้ อาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว
- น้ำหล่อเย็น ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำและกระปุกพักน้ำ ควรเติมให้อยู่ในระดับที่กำหนด หากระดับน้ำลดลงมาก อาจเกิดการรั่วไหลในระบบหล่อเย็น
- น้ำมันเบรกและน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ (ถ้ามี) ตรวจสอบระดับของเหลวเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเช่นกัน
- น้ำฉีดกระจก ตรวจสอบระดับน้ำฉีดกระจกและเติมให้เต็ม เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดกระจกหน้า
ระบบไฟส่องสว่าง
ระบบไฟส่องสว่างเป็นสิ่งสำคัญต่อความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขับขี่ในเวลากลางคืน หรือในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย
- ไฟหน้า ตรวจสอบไฟสูง-ไฟต่ำ ว่าทำงานปกติทั้งสองข้าง
- ไฟท้าย ตรวจสอบไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว และไฟถอยหลัง
- ไฟตัดหมอก (ถ้ามี) ตรวจสอบการทำงานของไฟตัดหมอก
- ไฟส่องป้ายทะเบียน ตรวจสอบว่าไฟส่องป้ายทะเบียนยังทำงานปกติ เพื่อการมองเห็นป้ายทะเบียนในเวลากลางคืน
ระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว
การขับขี่บนถนนที่ไม่เรียบ หรือการกระแทกอาจส่งผลกระทบต่อระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว
- โช้คอัพ สังเกตอาการผิดปกติ เช่น รถโคลงเคลงมากเกินไปเมื่อขับผ่านลูกระนาด หรือมีรอยน้ำมันรั่วซึมที่โช้คอัพ ซึ่งบ่งชี้ว่าโช้คอัพอาจเสื่อมสภาพ
- ลูกหมากและบูชยาง หากมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด หรือกุกกักจากช่วงล่าง อาจเป็นสัญญาณว่าลูกหมากหรือบูชยางเสื่อมสภาพ
- พวงมาลัย สังเกตว่าพวงมาลัยมีอาการหลวม ตอบสนองช้า หรือมีเสียงดังผิดปกติหรือไม่
ตัวถังรถและห้องเครื่องยนต์
- การรั่วซึมใต้ท้องรถ สังเกตคราบของเหลวใต้ท้องรถหลังจากจอดรถทิ้งไว้สักครู่ หากพบเห็นคราบน้ำมัน หรือของเหลวสีแปลก ๆ ควรรีบนำรถเข้าอู่
- ห้องเครื่องยนต์ ตรวจสอบสายพานต่าง ๆ ว่ายังอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยแตก หรือหย่อนยาน สังเกตสายไฟต่าง ๆ ว่าไม่มีร่องรอยการกัดแทะจากสัตว์ หรือความเสียหายอื่น ๆ
ทำความสะอาด
- ล้างรถและทำความสะอาดภายใน การล้างรถไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังช่วยให้คุณได้สังเกตเห็นรอยขีดข่วนเล็กน้อย หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวถังรถ และการทำความสะอาดภายในรถยังช่วยขจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่สะสมจากการเดินทางไกล
- ดูดฝุ่นภายในรถ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและลดอาการภูมิแพ้
การตรวจเช็กรถยนต์หลังการเดินทางไกลเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การสละเวลาเพียงเล็กน้อยในการดำเนินการตามรายการข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็กด้วยตัวเอง หรือนำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ที่ไว้ใจได้ จะช่วยให้คุณมั่นใจในสภาพรถยนต์ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์คันโปรดของคุณ เพื่อพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งต่อไปอย่างปลอดภัยและไร้กังวล