ข่าวเศรษฐกิจ

ปรับครม.ใหม่ เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นหรือไม่?เปิดประวัติรมต.เศรษฐกิจ

29 เม.ย. 67
ปรับครม.ใหม่ เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นหรือไม่?เปิดประวัติรมต.เศรษฐกิจ

หลังการรับตำแหน่งของนายกรัฐนตรี เศรษฐา ทวีสิน เมื่อ 26 สิงหาคม 2566 และมีครม.ชุดแรกภายใต้การบริหารประเทศ
โดยนายกฯเศรษฐา เมื่อวันที่2 กันยายน 2566 นับเป็นเวลาเกือบ 8 เดือนแล้วนี่จึงอาจเป็นไทม์ไลน์ที่เหมาะสมในการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ซึ่งการปรับครั้งนี้น่าจะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเพราะจะมีความชัดเจนที่จะมีรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจและมีการปรับในกระทรวงการคลัง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินนโยบายการคลังของประเทศหลับงบประมาณปี2567 ผ่าน  

สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีใหม่โดยเฉพาะในกระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ประกาศลาออกทันทีทำให้ยังต้องจับตาการหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะถือเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญมากที่สุดกระทรวงหนึ่งของรัฐบาล

รัฐมนตรีเศรษฐา 1/1

มุมมของ ดร.ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์  กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร มองว่า การปรับครม.ใหม่น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยเพราะรัฐมนตรีใหม่น่าจะมาช่วยขับเคลื่อนนโยบายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในมุมของนักเศรษฐศาสตร์ เห็นว่ามี 3 โจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทยโดยแบ่งเป็น ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

โจทย์ระยะสั้น คือ การผลักดันนโยบายการคลังที่มีความล่าช้าให้เข้าสู่ระบบให้ได้เพราะผลจากการที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้ามา 7เดือน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย GDP ติดลบเมื่อเทียบรายไตรมาส ผลพวงจากการที่งบล่าช้า งบลงทุนของรัฐติดลบไปถึง  20% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ดังนั้นเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ผ่านแล้ว รัฐบาลจะสามารถใช้จ่ายอย่างไรให่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงเวลาใช้จ่ายที่เหลืออยู่ มิเช่นนั้นจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยหนักกว่าประเด็นเรื่องของอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วยซ้ำ 

โจทย์ระยะกลาง คือ การแก้ไขฐานะทางการคลังของรัฐบาลให้มีความเสี่ยงน้อยกว่าปัจุบัน เพื่อสร้างความมั่นใจกับตลาดและประชาชน ว่ารัฐฯไม่ได้มีแต่รายจ่ายแต่มีแผนเรื่องของรายรับให้ดีขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากรายรับภาษี ต่อ GDP อยู่ในขาลง รัฐบาลเก็บรายได้จากภาษีได้น้อยลงไปเรื่อยๆ แต่รายจ่ายรออยู่หลายนโยบาย  จึงเป็นโจทย์สำคัญของรัฐบาลและโดยเฉพาะกระทรวงการคลัง 

โจทย์ระยะยาว สิ่งสำคัญที่สุด จากการพูดคุยกับนักลงทุนทุกคนอยากรู้ว่า อะไรจะเป็นกลยุทธ์การสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทย? จะมีการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอะไรบ้าง ท่ามกลางแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่เตี้ยลงไปทุกปี จากปัญหาเชิงโครงสร้างของประชากรวัยแรงงาน ศักยภาพการแข่งขัน การลงทุนจากต่างประเทศ ที่ปัจจุบันเพื่อนบ้านก็ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ดีขึ้น โจทย์นี้จึงสำคัญมากสำหรับรัฐบาล 

ดร.พิพัฒน์ มองว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 ไตรมาสที่ 2 ควรจะต้องดีขึ้นกว่าในไตรมาสที่ 1 อย่างแน่นอน ด้วยปัจจัยบวกจากการที่งบประมาณปี 2567 สามารถเบิกจ่ายได้แล้ว รวมถึงนโยบายการคลังที่จะออกมาช่วยกระตุ้นได้บ้าง 

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของเศรษฐกิจไทยยังมีอยู่มากมาย โดยเฉพาะ ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่อาจสร้างความเสี่ยงให้ราคาน้ำมัน และราคาพลังงานในประเทศไทยอยู่ในระดับสูง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯอาจจะมีการลดดอกเบี้ยแค่ 2-3 ครั้งในปีนี้จากเดิมคาดว่าจะลดลดอกเบี้ย ลงเหลือ 3% ในสิ้นปี ทำให้เชื่อว่าการประชุม FED สัปดาห์นี้จะคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ส่วนนโยบายการเงินของไทยคาดว่าจะได้เห็นการลดดอกเบี้ยนโยบายในปี 2568 เลย 

ประวัติรัฐมนตรีใหม่กระทรวงเศรษฐกิจในครม.เศรษฐา 1/1 

ประวัติ ‘พิชัย ชุณหวชิร’ รมว.คลัง 

คุณพิชัย ชุณหวชิร ปัจจุบันอายุ 75 ปี เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2492 ตำแหน่งล่าสุดก่อนเข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบ รมว.คลัง เคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีมาแล้ว และต้องลาออกจากกรรมการ และประธานกรรมการบริหารบริษัท 3 แห่ง อาทิ กรรมการ และประธานกรรมการบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และลาออกจากกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ประสบการณ์ทั้งความรู้และด้านการบริหารมากมายทำให้คุณพิชัย นับเป็นรองนายกฯที่กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลนายกเศรษฐานับจากนี้ 

สำหรับประวัติการศึกษา จบการศึกษาบัญชีบัณฑิต (การบัญชี) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ม , ปริญญาโท บริหารธุรกิจ Master of Business Administration, Indiana University of Pennsylvania, USA ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารการเงิน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ประวัติ ‘เผ่าภูมิ โรจนสกุล ’ รมช.คลัง 

คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล ชื่อเล่น อ๊อฟ เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526 ปัจจุบันอายุ 41ปี อดีตเคยทำงานรับราชการที่สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ก่อนที่จะถูกชักชวนให้เข้าสู่การเมือง จากทีมงานของคุณภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สู่การเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยที่สำคัญ โดยได้รับเลือกให้เป็นรองเลขาธิการพรรค และดำรงตำแหน่งนี้ติดต่อกัน 4 สมัยตั้งแต่ 2561-2564 ก่อนจะขยับขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในปี พ.ศ. 2566

คุณเผ่าภูมิ ถือเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีคนสำคัญที่จะมาขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมานับเป็นบุคคลสำคัญที่ทั้งพยายามผลักดัน สื่อสาร และประชาสัมพันธ์นโยบายต่าง ๆ ของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และยังเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทอีกด้วย และเมื่อนโยบายนี้กำลังจะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริงภายในไตรมาส 4ปี 2567 คุณเผ่าภูมิ จึงถือเป็นคนสำคัญในการเข้ามาขับเคลื่อนอย่างเต็มที่

สำหรับประวัติการศึกษาของคุณเผ่าภูมิ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระดับปริญญาโทใบที่ 1 จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ บอสตัน สหรัฐฯ และ ปริญญาโทใบที่ 2 และปริญญาเอก จากคณะเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอิลลินอย ชิคาโก สหรัฐฯ 

ประวัติ "อรรถกร ศิริลัทธยากร" รมช.เกษตรและสหกรณ์

คุณอรรถกร ศิริลัทธยากร เกิดเมื่อวันที่ 7 ส.ค. พ.ศ. 2527 ปัจจุบันอายุ  เกิดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และเป็นทายาทของนักการเมืองคืออดีต รมช.คมนาคม  อิทธิ ศิริลัทธยากร อดีต สส.ฉะเชิงเทราหลายสมัย  ก่อนลงเล่นการเมืองคุณอรรถกรเคยทำธุรกิจส่วนตัว จากนั้นในปี 2554 เข้าสู่วงการการเมืองตามบิดา ด้วยการเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย และเป็นสส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 54 ของเพื่อไทย จากนั้นปี 2562 ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ จนได้รับการเลือกตั้งให้เป็นสส.บัญชีรายชื่อ ลำดับ 18 ของ พปชร. จนกระทั่งปี 2564 ถูกผลักดันให้เป็นกรรมการบริหารพรรค พปชร. และโฆษก พปชร. 

ประวัติการศึกษาของคุณอรรถกร ศิริลัทธยากร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้าน Communication Arts จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาโท Marketing Management จาก MIDDLESEX UNIVERSITY ประเทศอังกฤษ

ประวัติ "เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช"รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา 

คุณเสริมศักดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2489  ปัจจุบันอายุ 78 ปี เป็นพี่น้องของนาย มนตรี พงษ์พานิช อดีตรองนายกรัฐมนตรี คุณเสริมศักดิ์ ไม่ใช่รัฐมนตรีหน้าใหม่ เพราะการปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นการสลับเก้าอี้จากเดิมที่นั่งเป็น รมว.วัฒนธรรม เปลี่ยนมาเป็น รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แทนนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ทีเปลี่ยนไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแทน 

สำหรับการศึกษาของคุณเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , ปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนระดับปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาการพัฒนาชนบท) มหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา สหรัฐอเมริกา และรัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยโคสต์ไลน์ สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ประวัติ"สุชาติ ชมกลิ่น"รมช.พาณิชย์

คุณสุชาติ ชมกลิ่น เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค. พ.ศ. 2517 มักถูกเรียกฉายาว่า  “เสี่ยเฮ้ง” ปัจจุบันอายุ 50ปี คุณสุชาติ ไม่ใช่รัฐมนตรีหน้าใหม่แต่อย่างใด เพราะเป็นอดีตรัฐมนตรีแรงงาน ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีในยุครัฐบาลเศรษฐาอีกครั้งในตำแหน่ง “ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ” ซึ่งคงต้องเร่งผลักดันการส่งออกของประเทศไทยจากนี้ไปให้เข้มแข็งมากขึ้น  เพราะสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันมากมาย จนตัวเลขล่าสุดส่งออกไทยยังติดลบหนักกว่า 10% รวมทั้งการขาดดุลการค้าอาจไม่ได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยนัก  

สำหรับการศึกษาของ คุณสุชาติ ชมกลิ่น สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยเกริก 

สำหรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1 นี้ยังมีนายสุริยะ จึงรุงเรืองกิจ ทีไ่ด้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพิ่ม จากเดิมที่นั่งเป็นรมว.คมนาคม  นอกจากนี้ยังมี สมศักดิ์ เทพสุทิน มานั่งเป็น รมว.สาธารณสุข ส่วนคุณสุดาวรณ หวังศุภกิจโกศล ย้ายมานั่งเป็นรมว.วัฒนธรรม  ขณะที่ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีถึง 3 คนคือ นายจักรพงษ์ แสงมณีนายพิชิต ชื่นบาน และ นางสาวจิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ดังนั้นรวมคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1 มีทั้งหมด 37 คน (รวมนายกรัฐมนตรี) เป็นการปรับครม.ครั้งที่ 1 ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ครม.เศรษฐ 1 เมื่อวันที่2 ก.ย.2566 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT