ข่าวเศรษฐกิจ

สงครามเทคจีน-สหรัฐยังระอุ ไบเดนคุมเข้มมาตรการห้ามส่งชิปไปจีน

19 ต.ค. 66
สงครามเทคจีน-สหรัฐยังระอุ ไบเดนคุมเข้มมาตรการห้ามส่งชิปไปจีน

สงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐกลับมาปะทุอีกครั้ง หลังรัฐบาลไบเดน สั่งเพิ่มความเข้มข้นมาตรการการกีดกันจีนไม่ให้เข้าถึงชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับการพัฒนา AI รวมถึอุปกรณ์ชั้นสูงที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งท่าทีของสหรัฐในครั้งนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการเทคโนโลยี กระทบผู้เล่นรายใหญ่อย่าง ‘Nvidia’ อย่างหนัก ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วง 5% ในวันอังคารที่ผ่านมา ล้างมาร์เก็ตแคปบริษัทไปกว่า 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.92 ล้านล้านบาท) ด้านดัชนี Philadelphia Semiconductor Index ที่สะท้อนบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ 30 แห่งของสหรัญ ยังปรับตัวลดลง 0.8% จากความกังวลผลกระทบต่อธุรกิจ

 

สหรัฐ จีน ชิป

 

โดยก่อนหน้านี้ ในเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมาที่สหรัฐบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกชิปครั้งแรกนั้น Nvdia ได้ออกชิปรุ่น A800 และ H800 ขึ้นมาตัวเลือกเสริมจากรุ่น A100 และ H100 ที่เป็นชิป AI ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีนก่อนจะถูกห้ามส่งไปจำหน่าย การเพิ่มความเข้มข้นครั้งนี้ ซึ่งหลังการบังคับใช้มาตรการใหม่ A800 และ H800 ก็จะโดนผลพวงไปด้วย

การเพิ่มความเข้มงวดด้านการส่งออกชิปโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐในครั้งนี้ ได้ขยายนิยามของผลิตภัณฑ์กลุ่มชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับการพัฒนา AI เพื่อให้ครอบคลุมสินค้าหลายชนิดมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มข้นด้านการขึ้นทะเบียนเพื่อส่งออกไปยังกว่า 40 ประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการนำไปขายต่อให้ประเทศจีนอีกด้วย

สหรัฐให้เหตุผลในการเพิ่มความเข้มข้นของการคุมการส่งออกชิปไปยังประเทศจีนในครั้งนี้ว่า เพื่อสกัดกั้นการเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง ซึ่งอาจถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาอาวุธทางทหารและ AI โดยไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจะขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนแต่อย่างใด

 

ชิป AI

 

ชิปชนิดพิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับ AI นั้นมีบทบาทสำคัญในกระบวนการพัฒนา AI ด้วยพลังการประมวลผลและประสิทธิภาพที่สูงเป็นพิเศษ สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเทรนโมเดล AI ที่กินพลังการประมวลผลอย่างมหาศาล ชิป AI ได้แก่ ชิปประมวลผลกราฟฟิก (GPU หรือการ์ดจอนั่นเอง), Application Specific Integrated Circuit (ASIC - วงจรชิปที่ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานใดการใช้งานหนึ่งโดยเฉพาะ) ซึ่งไม่เพียงรองรับการประมวลผลหนักๆ เท่านั้น แต่ยังบริหารจัดการพลังงานได้ดีกว่าชิปทั่วไป, มีจำนวนแกน (Core) ในการประมวลผลที่มากกว่าหลักสิบหรือหลักร้อยเท่า และยังสามารถรองรับการประมวลผลโมเดลใหม่ๆ ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้นได้อีกด้วย

 

ที่มา : Reuters, CNBC, Nikkei, The Verge

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT