บีบหัวใจ! หนูน้อยคลอด 3 วันดับปริศนา พ่อแม่ฝันสลายมุดตู้อบสูดกลิ่นลูก (คลิป)

29 มิ.ย. 64

จากกรณีมีครอบครัวของ น้องอลัน ทารกวัยแรกเกิด โพสต์ข้อความถึงการสูญเสีย หลังจากน้องเพิ่งคลอดเมื่อ 22 มิ.ย. 64 ออกมาอาการปกติ จนกระทั่งวันที่ 25 มิ.ย.64 มีพยาบาลแจ้งว่าเกิดความผิดปกติขึ้น สุดท้ายแพทย์แจ้งเสียชีวิตช่วง 08.00 น. เป็นวันเดียวกับที่น้องจะกลับบ้าน และพบว่าโรงพยาบาลเอกชนใน จ.สมุทรสาคร บ่ายเบี่ยงการให้เวชระเบียนการรักษาของผู้ตายด้วย อีกทั้งยังเร่งรัดพยายามทวงถามเรื่องค่าคลอด และค่ารักษาก่อนน้องตายด้วยนั้น

834759

วันที่ 29 มิ.ย. 64 นายพนม แซ่เตียว พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากภรรยาตนเองตั้งครรภ์ กำหนดคลอด 22 มิ.ย.64 ช่วง 9.21 น. การคลอดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตนเองมาเฝ้าภรรยาอยู่ที่หน้าห้องคลอดตลอด หลังจากที่แพทย์เข็นลูกตนเองออกมาจากห้องคลอด โดยใส่ตู้ปรับอุณหภูมิเป็นปกติของเด็กแรกเกิด น้ำหนักตัว 2,370 กรัม

119050

ส่วนตัวรอจะได้อุ้มได้กอดหอมลูกตอนยังมีชีวิต ตนเองไปเฝ้าหน้าห้องกระจก เห็นลูกอยู่ในตู้ นอนเรียงกับเด็กคนอื่น ๆ ตนเองไปทุกเวลาที่เปิดให้เฝ้าได้ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน วันหนึ่งไปยืนยิ้มอยู่แบบนั้นเป็นชั่วโมง และตนก็ถ่ายรูปถ่ายคลิปเก็บไว้

413375

จนกระทั่งวันที่ 25 มิ.ย. วันนัดพาลูกและภรรยากลับบ้าน ช่วง 07.15 น. ภรรยาตนได้รับสายโทรศัพท์จากโรงพยาบาล โทรมาที่ห้องพัก ระบุว่าลูกตนมีอาการไม่ปกติ ตอนนั้นตนเองไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แต่ส่วนตัวคิดว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ ตนเองประสานรถวีลแชร์เพื่อพาภรรยาไปที่ห้องพักเด็ก แต่ด้วยรอเวลาตนจึงขอลงไปที่ห้องพักเด็กก่อน เมื่อไปถึงยังไม่พบกับหมอประจำ เพราะระบุว่ากำลังเดินทางมาตนรออยู่ราว 30 นาที จนได้คุยกับแพทย์พยาบาล ซึ่งพยายามซักประวัติตนเองเพิ่มเติมถึงการคลอดแล้วตายโดยไม่รู้สาเหตุเคยมีเกิดขึ้นกับครอบครัวหรือไม่ ตนเองยืนยันว่าไม่เคย เจ้าหน้าที่ก็ถามวนซ้ำอยู่แบบนั้น

176209182444740807

ส่วนตัวขณะนั้นร้อนใจ ต้องถามแพทย์ว่าลูกตนอาการเป็นอย่างไรหนักหรือเบา แพทย์และพยาบาลต่างก้มหน้าและบอกว่าหนัก จนสุดท้ายตนเองร้องขอเข้าไปพบลูกในห้องพักเด็ก เข้าไปช่วง 08.30 น. ตอนนั้นตนเห็นลูกในตู้กระจกมีสายเต็มตัวไปหมด มีการเจาะเข็มน้ำเกลือ มีเสียงเครื่องดังตลอด ตนเข้าใจว่าเป็นสัญญาณชีพ ตอนนั้นตนเองก็ยังเข้าใจว่าลูกยังมีชีวิต ตนถามว่าจะมีวิธีไหนรักษาลูกตนได้ หมอแจ้งว่าทำสุดความสามารถแล้ว ตนรู้ทันทีว่าลูกตนเองจากไปแล้ว ส่วนเสียงดังของเครื่องแพทย์แจ้งว่าเป็นเสียงเครื่องผลักออกซิเจน ร้องเตือนว่าร่างกายไม่มีการตอบสนองแล้ว จากนั้นแพทย์แจ้งว่าลูกตนเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ และไล่ไทม์ไลน์ให้ฟังว่า วันที่ 25 มิ.ย.64 ช่วง 03.00 น. พยายามให้นมลูกชาย ซึ่งมีอาการร้อง ถ่ายสีเหลืองปกติ ดูดนมแรง กินเก่งเทียบเท่าเด็กที่คลอดมาตัวใหญ่ จากนั้นพาเข้านอน

598143

เวลา 05.00 น. พยาบาลเห็นความผิดปกติ เด็กอาการซีดตัวเขียว ขาดออกซิเจน นำเครื่องวัดออกซิเจนมาวัดระดับ 50 ซึ่งปกติคนเราจะอยู่ที่ 97-100 จึงเริ่มทำการรักษา โดยการเพิ่มออกซิเจน มีการกระตุ้นด้วยยาก่อนปริมาณออกซิเจนจะกลับมาปกติ จากนั้นไม่แน่ใจเวลา ลูกชายตนมีการออกซิเจนตกลงอีกก่อนถูกนำใส่ตู้อบ ใส่เครื่องช่วยหายใจ ทำการกู้ชีพปั๊มหัวใจ แพทย์แจ้งว่าปกติในเด็กทารกจะทำการกู้ชีพเพียง 30 นาที แต่ลูกตนถูกกู้ชีพมา 1 ชั่วโมงเต็ม จนเวลา 6.00 น. หยุดการกู้ชีพ เป็นช่วงเวลาก่อนที่ตนจะรู้เรื่องเสียอีก ตนเองเข้าใจว่าแพทย์อาจกำลัมุ่งช่วยเหลือชีวิตจนไม่ได้แจ้งครอบครัว

803674

ส่วนตัวคาใจว่าทำไมหลังจากเกิดเหตุตนเองขอเอกสารเวชระเบียนการรักษา แต่โรงพยาบาลบ่ายเบี่ยง มีการส่งผู้ตรวจการมาพูดคุยเจรจา สุดท้ายตนเองก็ยังไม่ได้รับเอกสาร จนกระทั่งวันนี้แพทย์เพิ่งนัดเข้าไปรับ เนื่องจากต้องนำไปประกอบการชันสูตร

280351

นอกจากนี้ เย็นวันที่ 25 มิ.ย. มีเจ้าหน้าที่การเงินทวงถามค่ารักษา มีค่าคลอด 54,000 บาท และค่ารักษาช่วงโคม่าอีก 10,000 กว่าบาท รวม 60,000 บาทเศษ ซึ่งตนเองจึงรู้สึกติดใจที่โรงพยาบาลยังไม่มีการแจ้งว่าลูกตนตายเพราะอะไร ตนเองไม่ได้อะไรจากโรงพยาบาลกลับ นอกจากเล็บลูกที่ตนขอพยาบาลตัดไว้ ผ้าอ้อมที่ลูกตนห่อทุกผืน ผมลูก และภรรยาที่มีแผลกลับบ้าน

811117

ตนเองดมกลิ่นลูกในตู้อบทั้งวันเพื่อสูดกลิ่นของลูก 9 เดือนตนเองทะนุถนอมลูกและภรรยามาตลอด เพื่อรอวันที่จะได้สัมผัสลูก แต่จนลูกตาย ตนเองยังไม่เคยสัมผัสลูกขณะยังมีชีวิตเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตนหวังจะบันทึกเสียงลูก แต่ลูกก็ยังไม่ร้องให้ตนได้ฟังสักครั้ง ตนถ่ายรูปวิดีโอลูกเอาไว้ ตนไม่กล้าลบสักภาพ เพียงเพราะมันจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว ตนไม่ได้ต้องการเอาผิดกับคนบริสุทธิ์ แต่ตนเองอยากหาความเป็นธรรมให้ลูกชาย ลูกตนเสียชีวิตแบบไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ผ่านมาภรรยาตนฝากครรภ์ที่โรงพยาลที่ทำคลอด ตรวจทุกอย่างปกติ ตนเองดูแลความปลอดภัยทุกอย่างให้กับภรรยาและลูก

517677108178153164

ร่างลูกชายตอนนี้อยู่ที่นิติเวช รพ.ตำรวจ โดยตนเองฝากร่างเอาไว้เพื่อรอผลชันสูตรก่อน หากผลไม่ชัดเจนจะส่งตรวจสถาบันพยาธิวิทยา รพ.ศิริราช ลูกคนนี้คือลูกคนแรก เป็นทั้งชีวิตของตน ตนเองยอมทำทุกอย่ากให้กับลุกได้ หากแลกชีวิตได้ก็ยอม ส่วนตัวกังวลเหตุที่เกิดขึ้นจะมาจากอุบัตเหตุที่เกิดขึ้นในห้องพักเด็ก โดยไม่มีใครเจตนา แต่อาจมาจากความประมาท แม้กล้องวงจรปิดในห้องดังกล่าวก็ไม่มี ตนเองไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมไม่มี ซึ่งโรงพยาบาลแจ้งว่าคือการรบกวนสิทธิ ตนเองมองว่าการรักษาชีวิต สำคัญกว่าการรักษาสิทธิ์ กล้องวงจรจะไม่มีทางไปรบกวนอะไรได้ หากบุคลากรมีจรรยาบรรณเพียงพอ

658884

น.ส.จิตรลดา สมมาก แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองอายุ 27 ปี การคลอดเป็นการผ่าคลอด ที่บ้านไม่เคยมีประวัติการตลอดแล้วตายไร้สาเหตุ ทุกอย่างปกติ ที่ผ่านมาระหว่างตั้งครรภ์ไม่มีภาวะผิดปกติ ตนฝากครรภ์และมาตรวจตามนัดตลอด 9 เดือน ช่วงแรกก็มาตรวจ อัลตร้าซาวด์ 1 เดือนครั้ง ช่วง 8-9 เดือน ตรวจทุกสัปดาห์ จนวันคลอดก็เข้าห้องคลอดตามกำหนด ตนเองรู้สึกตัวตลอดการคลอด หมอก็จะอธิบายตลอด จนลูกตนออกมาได้เห็นลูกและลูกมีเสียงร้องเหมือนทั่วไป

333611

หลังจากนั้น พยาบาลจะพาตัวน้องไปล้าง และพากลับมาให้ตน ตนได้หอมแก้ม 1 ครั้ง เป็นครั้งเดียว จากนั้นตนเองได้อุ้มลูกอีก 2 ครั้ง คือครั้งที่มาดูลูกและมาป้อนนมในวันที่ 24 มิ.ย. คือลูกได้ดูดนมจากเต้า ลูกดูดแรงพอสมควรซึ่งถือว่าปกติมาก จิตใจตอนนี้แย่มาก ตนเองไม่คิดว่าลูกจะจากไป เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีห่วงอะไร เจ้าหน้าที่ยังโทรแจ้งว่าให้เตรียมตัวรับลูกกลับบ้านได้

333983

ตอนนี้ตนเองยังนอนร้องไห้ทุกคืน ตนคิดว่าเอาชีวิตแม่ไปจะดีกว่า ตนอยู่กับลูกมา 9 เดือน อาการปกติและตนอยู่กับลูกตลอด ไม่คิดส่าวันที่คลอดลูกจะจากไป ตนเองอยากให้ลูกกลับมาเกิดเป็นลูกตนอีก ตนได้แต่ทำบุญให้ลูก ตนรักลูกมาก ตอนนี้แจ้งความ สภ.โคกครามแล้ว ซึ่งรอผลชันสูตรว่าจะเป็นอย่างไร แต่แพทย์จากโรงพยาบาลที่คลอด ระบุว่าลูกตนมีภาวะหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส