ล่าแก๊งเพื่อนทมิฬลวงฆ่าหนุ่มจับมัดมือโยนศพทิ้งน้ำ ญาติชี้เป้าผิดใจเรื่องยา (คลิป)

23 พ.ค. 64

กรณีพนักงานสอบสวน สภ.ทะเลน้อย รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตถูกพันธนาการ ใต้สะพานเฉลิมพระเกียรติข้ามทะเลน้อย หมู่ 2 บ้านคลองกลาง ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวหยุดชมควายน้ำ ลึกลงไปจากสะพานถึงพื้นดินประมาณ 8 เมตร พบศพชายทราบชื่อภายหลัง นายวรวิทย์ ช่วยมาก อายุ 32 ปี อาศัยอยู่ใน ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง

915852702505

สำหรับสภาพศพถูกมัดด้วยเชือกบริเวณข้อเท้าทั้ง 2 ข้างทับด้วยผ้าขาว บริเวณข้อมือทั้ง 2 ข้างถูกมัดด้วยเชือกไขว้หลัง ส่วนที่ลำคอถูกผูกด้วยผ้าขาวม้า คอหักหมุนได้รอบ จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผล

886233

ล่าสุดวันที่ 23 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุสะพานเฉลิมพระเกียรติข้ามทะเลน้อย ซึ่งจุดที่พบศพคือคลองบ้านกลาง ห่างจากสะพานประมาณ 5 เมตร

852121

สอบถามนายชาติ ซุ่นเซ่ง อายุ 62 ปี ผู้พบศพ เล่าว่า เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.64) เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะที่ตนขับเรือหาปลาอยู่ในคลอง ระหว่างนั้นได้หว่านแหลงไปในน้ำ ซึ่งลึกประมาณ 3 เมตร รู้สึกว่าติดวัตถุบางอย่างที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก จึงลองดึงแหขึ้นมา พบลักษณะใบหน้ามนุษย์ติดแหขึ้นมา มั่นใจว่าเป็นศพแน่นอน จึงใช้ขวดพลาสติกผูกกับปลายแหเอาไว้ แล้วปล่อยแหทิ้งน้ำไป เพื่อให้แหลอยอยู่กลางน้ำ จากนั้นจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ และผู้ใหญ่บ้าน

titled

เมื่อผู้ใหญ่บ้านมาถึงจึงรับลงเรือ แล้วให้ผู้ใหญ่บ้านจับแหที่ติดศพ ส่วนตนพายเรือเข้าฝั่งบริเวณใต้สะพาน แล้วช่วยกันยกศพขึ้นฝั่ง ซึ่งสภาพศพถูกมัดเท้าและมือไพล่หลัง ทั้งมือและเท้ามีเชือกผูกโยงกัน ที่คอมีผ้าขาวม้าติดอยู่ บริเวณร่างกายไม่มีร่องรอยบาดแผลจากการทำร้าย

491745

นอกจากนี้จากการสังเกตพบว่าศพค่อนข้างใหม่ น่าจะเสียชีวิตยังไม่ทันข้ามวัน ตนเชื่อว่าน่าจะถูกนำมาทิ้งช่วงกลางคืนหรือเช้ามืด เพราะจุดเกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยว ไม่มีคนอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยตนไม่รู้จักผู้ตาย คาดว่าเป็นคนนอกพื้นที่ ซึ่งถูกนำมาทิ้งเอาไว้

962452

จากนั้นทีมข่าวเดินทางมายังบ้านของนายวรวิทย์ ช่วยมาก ในพื้นที่ ม.9 ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 45 กิโลเมตร

500782

นายนิพนธิ์ ช่วยมาก อายุ 75 ปี ปู่ของผู้ตาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 น. หลานชายออกจากบ้านไปรอบแรก โดยมีเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์มารับที่หน้าบ้าน จากนั้นไม่นานก็กลับมาที่บ้าน จนเวลาประมาณ 20.00 น. หลานชายออกจากบ้านไปอีกครั้ง ซึ่งตนเข้านอนแล้ว แต่ทราบว่ามีเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์มารับเช่นเดิม ตื่นมาตอนเช้าหลานชายยังไม่กลับมาที่บ้าน ตนไม่ได้เอะใจ เพราะปกติหลานชายมักจะออกจากบ้านไปแบบนี้เป็นประจำ ตกเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. มีคนแจ้งว่าพบศพหลานชายที่ทะเลน้อย อ.ควนขนุน ตนจึงรีบเดินทางไปที่ สภ.ทะเลน้อย และยืนยันว่าศพที่พบเป็นหลานชายของตนจริง

824702

โดยส่วนตัวเชื่อว่าหลานชายถูกฆาตกรรม และสาเหตุมาจากเรื่องยาเสพติด เนื่องจากหลานชายติดยา เคยติดคุก 2 รอบ รอบแรกเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ติดประมาณ 1 ปี รอบที่ 2 เมื่อกลางปี 63 ถูกนำไปบำบัด 90 วัน และล่าสุดครอบครัวนำไปบำบัดเองเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน เพิ่งออกมาประมาณ 3 เดือนเท่านั้น หลังออกมาจากสถานบำบัดหลานชายก็ไม่ได้ทำงาน และมักจะออกจากบ้านในช่วงกลางคืนเป็นประจำ ทุกครั้งมีเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์มารับ ซึ่งตนไม่รู้จักว่าเป็นใคร เพราะหลานไม่เคยแนะนำ

182016

กระทั่งเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีชายรายหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์มาหน้าบ้าน และได้ทวงเงินหลานชาย มีการถกเถียงกัน ตนคาดว่าน่าจะเป็นเงินค่ายาเสพติด จึงไล่ไปให้พ้นบ้าน เพราะไม่ชอบเรื่องแบบนี้ ทั้งนี้ ตนได้แต่ปลงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเคยเตือนและห้ามหลานชายหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเชื่อฟัง

297075

นางสนิท ช่วยมาก อายุ 73 ปี ย่าผู้ตาย เล่าว่า หลานชายเคยแต่งงานมีภรรยา และลูก 2 คน เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 13 ปี และผู้ชาย อายุประมาณ 10 ปี แต่ได้เลิกรากับภรรยาไปประมาณ 3 ปีแล้ว ส่วนลูกก็อยู่กับฝั่งภรรยา ที่ผ่านมาหลานชายติดยาเสพติดอย่างหนัก ตนพยายามพาไปรักษาและบำบัด เมื่อครั้งที่ 2 ที่เข้าไปบำบัดช่วงกลางปีที่ผ่านมา หลานยังบอกว่าจะกลับตัวกลับใจเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และจะบวชให้ตนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สุดท้ายหลานก็กลับไปอยู่ในวังวนเดิม ๆ

ที่ผ่านมาช่วงกลางคืน หลานชายแทบไม่หลับไม่นอน เปิดประตูบ้านไว้ตลอด ลักษณะเหมือนกลัวคนมาทำร้าย ซึ่งตนเตือนตลอดให้หลานชายเลิกยาเสพติดแต่ก็ทำไม่ได้ จนมารู้ว่าหลานชายเสียชีวิตตนช็อกและเสียใจมาก พยายามคิดว่า เป็นเวรกรรมที่หลานอาจไปทำให้อีกฝ่ายเจ็บก่อน จึงต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนตัวก็เชื่อว่าสาเหตุการตายมาจากเรื่องยาเสพติด แต่ไม่รู้ตัวคนทำ เพราะไม่เคยรู้จักกลุ่มเพื่อนของหลาน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส