กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "เหตุการณ์ บ้านเมือง" โพสต์ภาพพร้อมบรรยายข้อความว่า "ด่วน! พบผู้เสียชีวิตลอยน้ำ ในพื้นที่ ม.2 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบเบื้องต้นผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย มีบาดแผลถูกยิงบริเวณชายโครง 4 แผล ในมือกำไม้ขีดไฟ ยังไม่ทราบชื่อและที่อยู่ของผู้เสียชีวิต กู้ภัยพุนพิน เร่งนำศพขึ้นมานำส่งชันสูตรต่อที่ รพ.พุนพิน" เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดวันที่ 4 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง พื้นที่ ม.2 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสุมิตร คชศิริพงษ์ อายุ 54 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 เปิดเผยว่า ทางผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งเหตุชาวบ้านในพื้นที่บริเวณเขตป่าชายเลน ม.2 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พบศพชายไม่ทราบชื่อ เสียชีวิตอยู่ภายในน้ำ ทางผู้ใหญ่บ้านเลยประสานตน พร้อมกำนัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุนพิน และกู้ภัยพุนพิน เข้าตรวจสอบที่เกิด โดยการนั่งเรือไป
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่ ห้องพักแห่งหนึ่งใน ต.บางไทร อ.เมือง จ.สุราษฎ์ธานี ซึ่งเป็นห้องพักของผู้เสียชีวิตที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน ตามที่ได้รับข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมาถึงพบว่าห้องพักดังกล่าวเป็นห้องเช่าชั้นเดียว เรียงกันจำนวน 10 ห้อง
จากการสอบถามคนในพื้นที่ทราบว่า มีผู้พักอาศัยเพียง 2 ห้องเท่านั้น หนึ่งใน 2 ห้องก็คือห้องของผู้เสียชีวิตจริง นอกนั้นประตูห้องถูกปิดล็อกด้วยแม่กุญแจ โดยห้องของผู้เสียชีวิตอยู่ห้องที่ 4 นับจากด้านขวามือสุด บริเวณหน้าห้องพบ รถจักรยานยนต์ ทะเบียน คกว 807 สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นของผู้เสียชีวิตจอดอยู่ แต่ประตูห้องถูกปิดล็อก
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางลำไพ (นามสมมติ) อายุ 70 ปี เพื่อนห้องเช่าใกล้กัน เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิต คือ นาย ธีระนันท์ ปลอดสุวรรณ หรือ เอ๋ เป็นคนเช่าห้องแถวเดียวกับตน ปกติผู้เสียชีวิตจะอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกชาย รวม 3 คน
แต่จะอยู่กันในลักษณะต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยสุงสิงกันตนจึงไม่ทราบรายละเอียดอะไรที่แน่ชัด แต่เท่าที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นครอบครัวผู้เสียชีวิตมีปากเสียงหรือทะเลาะวิวาทกันให้ได้ยินมาก่อนหน้านี้ กระทั่งตนมาทราบข่าว จากทางเจ้าที่ตำรวจ ที่เข้ามาสอบถาม หลังจากพบว่า ผู้เสียชีวิตถูกยิงแล้ว ตนก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกลัวว่าจะได้รับอันตราย
หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยัง วัดประสิทธาราม ต.บางชนะ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี สถานที่จัดสวดอภิธรรมศพของผู้เสียชีวิต เมื่อไปถึงพบว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของคนในครอบครัวและเพื่อนบ้านที่ต่างมารอฟังสวดอภิธรรมศพในช่วงเย็นวันนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางชนิกานต์ ปลอดสุวรรณ อายุ 53 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ปกติลูกชายของตนเป็นคนดี แต่อยู่ข้างนอกลูกชายจะไปมีปัญหากับใครหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะลูกชายของตนก็เป็นคนไม่ยอมคน ซึ่งลูกชายของตนมีภรรยาอยู่แล้วก่อนหน้านี้ 2 คน ภรรยาคนที่ 1 คือ น.ส.น้ำ อายุ 34 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 15 ปี ส่วนภรรยาคนที่ 2 คือ น.ส.ฝน อายุ 32 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 1 ขวบ
กระทั่งมามีภรรยาคนที่ 3 คือ น.ส.แอ้ อายุ 38 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน มีแต่ลูกติดน.ส.แอ้ กับสามีเก่า ปัจจุบันอาศัยอยู่ในห้องเช่าด้วยกัน ภายใน ต.บางไทร อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยภรรยาทั้ง 3 คนไม่ได้จดทะเบียนกัน
ทั้งนี้ตนมาทราบข่าว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าลูกชายถูกผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นกระหน่ำยิงเข้าชายโครง จำนวน 4 นัด เสียชีวิตอยู่บริเวณพื้นที่เขตป่าชายเลน ม.2 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ตนก็รู้สึกตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะลูกชายของตนไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าลูกชายเคยมีคดีเก่าในเรื่องคดีเสพยาเสพติด แต่ไม่ได้เป็นผู้ค้า ทางครอบครัวเคยพาไปบำบัดรักษาอาการมาแล้ว เมื่อ 1-2 ปีก่อน ตนจึงคิดว่าปมเหตุการณ์เสียชีวิต ไม่น่าใช่เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด แต่น่าจะเป็นปมชู้สาวมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงคนในครอบครัว จึงติดใจในส่วนนี้ เพราะ น.ส.แอ้ ภรรยาคนล่าสุด มีผู้ชายติดพันจำนวนมาก รวมไปถึงมีลูกติดก่อนที่จะมาคบหากับลูกชายตน ตนจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องชู้สาว โดยจากการสันนิษฐานคาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะมีการนัดลูกชายของตนไปพบ ก่อนก่อเหตุใช้วุธปืนยิงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรที่แน่ชัด เนื่องจากหลังเกิดเหตุ ตนก็ยังไม่เจอหน้า น.ส.แอ้ ซึ่งความเป็นจริงตนก็ไม่ชอบ และก็ไม่เคยได้พูดคุยกับน.ส.อยู่แล้ว ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามตัวมาสอบสวน เพื่อหาปมเหตุการณ์เสียชีวิตโดยเร็ว
ทั้งนี้หากตนมีโอกาสได้พูดกับทางผู้ก่อเหตุ ตนก็อยากจะถามว่า "ฆ่าลูกชายของตนทำไม ทำเพราะจุดประสงค์อะไร" ซึ่งตนยืนยันว่าไม่มีวันให้อภัย ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับผู้ก่อเหตุได้ และอยากจะมาขอขมาศพลูกชาย ตนก็จะไม่ให้มา เพราะเชื่อว่าหากมาจะต้องมีรุมประชาทัณฑ์แน่ ๆ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุนพิน ให้ข้อมูลว่า กรณีดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในขั้นตอนสืบสวน หาพยานหลักฐานและพยานแวดล้อม เพื่อเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย หากมีความคืบหน้าทางด้านคดีจะแจ้งให้ทางสื่อมวลชนได้ทราบในภายหลัง
