วันที่ 19 มิ.ย. 61 ภายหลังนายสุกิจ พูนศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย พา น.ส.แสงสุริยะเทพ พระมหาสุริยา หรือ ร่างทรง 4.0 เข้าร้องทุกข์ที่ สน.พหลโยธิน หลังจากที่มีผู้แจ้งความดำเนินคดีกับร่างทรง 4.0 ไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่นายสุกิจกำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน จ.ตาก โดยตำรวจพยายามนำตัวนายสุกิจเข้าไปในห้องสอบสวน แต่เกิดความชุลมุนขึ้น เมื่อนายสุกิจไม่ยินยอมที่จะเดินเข้าไปในห้อง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่าน :
ด่วน! ล็อกตัว “สุกิจ” คดีรุกป่าคาโรงพัก ระหว่างพาร่างทรง 4.0 แจ้งความ )
โดยหลังจากได้ทำบันทึกการจับกุมแล้ว นายสุกิจได้แจ้งความกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจฐานทำเกินกว่าเหตุขณะจับกุม ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งความกลับนายสุกิจ ฐานต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน
ต่อมาเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสุกิจ เพื่อนำตัวไปยังกองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อทำการสอบปากคำต่อ โดยนายสุกิจกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ว่า คดีดังบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เป็นคดีเก่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ตนจึงไม่ได้กังวลและได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ประกันตัวแล้ว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ข้อมูลว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีใหม่ที่เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2560 โดยเป็นการบุกรุกป่าอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ต.พะวอ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นการบุกรุกเพิ่มจากคดีเดิมเมื่อปีพ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นคดีที่จบแล้ว พื้นที่ดังกล่าวมีชาวเขาเผ่ามูเซออาศัยอยู่ แต่นายสุกิจ ได้ใช้เครื่องมือหนักเข้าไปแผ้วถาง ในเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ โดยมีการปรับหน้าดินและก่อสร้างอาคาร เพื่อทำการค้า จึงมีการแจ้งความจับกุม ในตอนแรกตำรวจพื้นที่เป็นผู้ดูแลคดี แต่ภายหลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานเครือข่ายช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องต่อสำนักงานแห่งชาติให้ทางส่วนกลางเข้ามาดูแลคดี ทางบก.ปทส.จึงต้องรับคดีมา
โดยเวลาต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาสอบปากคำนายสุกิจ ที่ บก.ปทส. ด้วยตัวเอง
ด้าน
น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ ฟ้า ผู้เคยได้รับการช่วยเหลือด้านกฎหมายจากนายสุกิจ เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวตนตกใจไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติเช่นนี้ เนื่องจากนายสุกิจเป็นบุคคลที่มีอายุมาก มีโรคประจำตัว ยิ่งทำรุนแรง อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดภายหลังได้ และตนไม่ได้ติดต่อกับนายสุกิจมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังนับถือในฐานะที่ปรึกษาและฐานะครูทางกฏหมาย ซึ่งตนไม่เคยลืมบุญคุณว่านายสุกิจเคยสอน เคยช่วยเหลืออะไรตนในยามลำบากและเป็นที่พึ่งทางกฏหมาย
น.ส.กนกพรรณ บอกว่า ตนทำได้เพียงแค่เป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ อยากจะเดินทางไปให้กำลังใจเจ้าตัว แต่ติดที่ว่านายสุกิจยังไม่หายโกรธ ดังนั้นจึงทำได้แค่ให้กำลังใจอย่างห่าง ๆ แบบนี้