ทนายปรีชาไม่ฟันธงคลิปส่วนแบ่ง 15 ล. เสียงครู - ษิทรายื่นจำหน่ายคดีแพ่ง ขอรอผลอาญา (คลิป)

25 เม.ย. 61
จากกรณีในโลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปเสียงการสนทนา ซึ่งมีเสียงคล้ายครูปรีชา ใคร่ครวญ กำลังสนทนากับบุคคลหนึ่ง โดยเสียงฟังไม่ชัดเจน แต่มีประโยคที่ว่ามีการเจรจากันขอแบ่งเงินคนละ 15 ล้านบาท
นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความครูปรีชา
วันนี้ (24 เม.ย.) นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยว่า ตนได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าวแล้ว แต่คงไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับคลิป เพราะอีกเพียงแค่ 6 วัน ก็จะขึ้นศาล ซึ่งเอาไว้ไปพิจารณากันในชั้นศาลทีเดียว เบื้องต้นได้สอบถามครูปรีชาถึงคลิปเสียงดังกล่าว โดยครูปรีชาบอกว่าจำไม่ได้ เสียงไม่ค่อยชัด โดยทนายวรยุทธยอมรับว่า เสียงคล้ายครู แต่ก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ เพราะปัจจุบันคนเราเลียนแบบเสียงกันได้มากมาย ไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร และเสียงก็ไม่ชัดเจน ซึ่งคลิปที่ถูกปล่อยออกมานี้ ไม่มีผลกระทบต่อรูปคดีอย่างแน่นอน เพราะการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนโซเชียลในสังคมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนในคลิปเสียงที่เหมือนมีการต่อรองกันว่าแบ่งเงินกันคนละ 15 ล้านบาทนั้น ทนายวรยุทธบอกว่ารอให้ไปว่าในชั้นพิจารณาดีกว่า ว่าคลิปเสียงนี้เป็นของจริงหรือไม่ เพราะถ้าไม่ใช่ของจริง แล้วนำมาวิพากษ์วิจารณ์ ก็ไม่ชัดเจนว่าคืออะไร ตนก็อยากรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปเสียง และต้องการอะไร ส่วนเรื่องคดีความ ตอนนี้ตนมีพยานหลักฐานครบถ้วน 100% แล้ว ซึ่งมั่นใจว่าสามารถนำสืบเพื่อให้ครบองค์ประกอบความผิดที่ได้ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในข้อหายักยอกทรัพย์สินได้ ซึ่งถ้าถึงวันนำสืบศาลวันที่ 4 มิ.ย. แล้ว คิดว่าพยานหลักฐานทั้งหมดจะรับฟังครบองค์ประกอบความผิดได้
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด
ส่วนกรณีที่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้ทั้งสองฝ่ายหยุดการให้สัมภาษณ์หรือตอบโต้กันไปมานั้น ทนายวรยุทธบอกว่า เคารพในความคิดเห็นของ อ.ปรเมศวร์ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้อยากจะออกสื่ออยู่แล้ว แต่บางทีสื่อก็อยากสอบถามความคืบหน้า ก็แล้วแต่จังหวะและเวลา หากสะดวกก็มีการพูดคุยกันตามความเหมาะสม ซึ่งหลังจากนี้ก็อาจจะของดให้สัมภาษณ์ เพราะใกล้วันขึ้นศาลแล้ว แต่การที่ออกมาให้สัมภาษณ์ มองว่าไม่มีผลกระทบต่อการขึ้นศาล ซึ่งกระแสในโซเชียลกับการขึ้นศาล เป็นคนละเรื่องกัน ศาลจะฟังจากหลักฐานที่นำเสนอ ไม่ได้มาฟังการพูดนอกศาล เพราะกฎหมายกำหนดไว้เช่นนั้น ขณะนี้ตนและครูปรีชาพร้อมที่จะขึ้นศาลแล้ว และอยากให้ถึงวันที่ 4 มิ.ย. เร็วๆ เพราะอยากให้ความจริงกระจ่าง
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ
ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยว่า ตนได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าวแล้ว เพราะมีการส่งต่อในไลน์กลุ่ม ซึ่งเสียงในคลิปมีลักษณะคล้ายเสียงครูปรีชา ว่ามีการแบ่งเงิน แต่ ร.ต.ท.จรูญ ไม่เอาด้วย และในคลิปยังมีการขู่ด้วยว่าถ้าเกิดไม่เอาก็จะต้องติดคุก ตนเชื่อว่าคลิปเสียงนี้เป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 60 ฝ่ายคู่กรณีคงจะจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง และหลังจากนี้ความจำคงจะกลับคืนมาแล้ว และถ้าเสียงนั้นเป็นเสียงของครูปรีชาจริง ก็จะบ่งบอกได้หลายอย่างว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ทั้งนี้ ตนคงจะไม่นำไปเป็นหลักฐานสู้คดีในชั้นศาล เพราะไม่ได้เป็นคลิปเสียงที่มาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตนยังไม่รู้แหล่งที่มาที่แน่ชัด ถึงแม้ว่าหากพิสูจน์แล้วว่าเสียงนั้นเป็นของครูปรีชาจริง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ
ทนายษิทรา ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
ส่วนคดีอาญาที่ฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ ฟ้องครูปรีชาไว้ จะมีการนัดไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ และในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) จะเดินทางไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลจำหน่ายคดีแพ่งที่ ร.ต.ท.จรูญ ถูกฟ้องออกไปก่อน เพื่อรอผลคดีอาญา เนื่องจากมีมูลเรื่องเกี่ยวกับการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สลากรางวัลที่ 1 เหมือนกัน นอกจากนี้ ทนายษิทรา ตั้งข้อสังเกตว่า ในคดีแพ่งที่ฝ่ายครูปรีชาเป็นโจทก์ ศาลจะมีดุลยพินิจ เชื่อคำเบิกความของครูปรีชามากน้อยเพียงใด เนื่องจากตัวครูปรีชามีสถานะเป็นผู้ต้องหา ที่ถูกตำรวจดำเนินคดีในความผิดฐานแจ้งความเท็จ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าศาลคงไม่รับฟัง ส่วนกรณีที่นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ได้ออกมาแนะนำทนายความทั้ง 2 ฝ่าย ให้งดเว้นสัมภาษณ์สื่อฯ หรือออกรายการโทรทัศน์ เพราะคดีความใกล้เข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลแล้ว ตนมองว่า เป็นการเตือนด้วยความหวังดี เพราะหากตอบโต้กันไปมาก็จะมีการฟ้องร้องกันมากกว่านี้ ซึ่งตนก็จะน้อมรับ และหลังจากนี้ก็จะเห็นตนผ่านสื่อน้อยลงด้วย เพราะตนเองก็ต้องเตรียมพร้อมเพื่อจะขึ้นศาลในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ