เปิดสวน 108 ไร่! พ่อน้องนาวา ปัดอวดรวย แค่บอกป้าเก๋งแดงอย่าดูถูกใคร ห่วงลูกยังผวา (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "บู้ส อดิตนักบวช" ได้ไลฟ์สดภาพเหตุการณ์ ขณะน้องนาวา ลูกชายวัย 4 ขวบกำลังเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งปรากฎภาพหญิงชราคนหนึ่ง กำลังยืนต่อว่าเด็กและกลุ่มคนที่กำลังเล่นน้ำสงกรานต์ว่า ทำไมจึงสาดน้ำใส่รถป้ายแดงของตน ซึ่งกลุ่มคนที่กำลังเล่นน้ำสงกรานต์ได้ก้มหัวขอโทษ พร้อมพูดว่าเด็กไม่รู้เรื่องจึงสาดไป ซึ่งภายหลังพ่อของน้องนาวาได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตนเป็นเพียงเจ้าของสวนผลไม้ 108 ไร่ ที่อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าใคร หรือ ร่ำรวยมาจากไหน ไม่มีใครต่ำกว่าใคร

วันนี้ ( 17 เม.ย.) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่สวนผลไม้ของ นายชาญศักดิ์ ปิ่นสวรรค์ หรือพ่อของ "น้องนาวา" ที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี โดยมีคุณวนาภรณ์ แจ่มแป้น ป้า ของน้องนาวา พาเดินชมสวนผลไม้ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 108 ไร่ โดยในสวนมีกล้วยหอม มะละกอ มะม่วง และส้มเขียวหวานจำนวนมาก จัดสรรพื้นที่ปลูกอย่างเป็นระเบียบและพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งพื้นที่สวนตรงนี้จะมีเพียงบ้านของพ่อน้องนาวาอยู่หลังเดียวไม่มีเพื่อนบ้าน ซึ่งบ้านที่อาศัยอยู่ก็เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ธรรมดาไม่ได้หรูหราอะไร

คุณวนาภรณ์ ป้าของน้องนาวา บอกว่า สวนผลไม้นี้ พ่อของน้องนาวาทำมาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งสานต่อจากพี่ชายที่เสียชีวิตกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ ปกติแล้วพ่อน้องนาวาก็จะเป็นคนที่ตลก ใจดี ใช้ชีวิตแบบสมถะ เหมือนชาวบ้านทั่วๆไป ตนได้ดูคลิปวีดีโอแล้วก็รู้สึกสงสารน้องนาวา เพราะเป็นปกติของเด็กที่อยากเล่นสนุกในช่วงสงกรานต์ อีกทั้งน้องนาวาก็เพิ่งเดินทางขึ้นมาอยู่กับพ่อแม่ในช่วงปิดเทอม น่าจะได้เล่นสนุกแต่กลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่ก็เข้าใจอีกมุมของป้าเจ้าของรถ ว่าคงกลัวอุบัติเหตุตามที่ให้สัมภาษณ์แต่จริงๆแล้วพูดกับน้องดีๆก็ได้ เพราะน้องก็ตกใจมาก กับคำพูดที่โดนป้าต่อว่า ตนรู้สึกว่าคำพูดแรงเกินไป

ด้าน นายชาญศักดิ์ ปิ่นสวรรค์ พ่อน้องนาวา เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุน้องนาวาเล่นน้ำสงกรานต์ตามปกติ ซึ่งรถทุกคันก็จะจอดเล่นน้ำกับน้อง ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ ดังนั้นเมื่อรถคันที่เกิดเหตุจอดและลดกระจกลง น้องก็คิดว่าจะเล่นน้ำด้วย แต่พอรถคันนี้ลดกระจกลงผู้หญิงที่นั่งฝั่งซ้าย ก็ด่าและมองมาที่ น้องนาวา ว่า "ไอสั_ว์ มึงฉีดน้ำมาที่รถกูได้ไง" ตนเห็นท่าไม่ดี จึงหยิบโทรศัพท์มาไลฟ์สด เหมือนคนในรถจะเห็นว่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คำพูดก็เลยดูเบาลง และดีขึ้น แต่ก็คงมองว่าตนเป็นแค่พ่อค้าจึงกล้าด่าหยาบคาย ตนยอมรับว่าไม่ได้บอกลูกว่าไม่ให้ฉีดน้ำคันไหน หรือให้ฉีดคันไหน เพราะคนที่มาจอดรถก็จะเล่นกับน้อง เพียงแต่บอกให้ระวังโดนรถชน ตอนแรกน้องก็เดินถือถังน้ำเดินเล่นไปมาในระยะประมาณ 30 เมตร ตนจึงไปต่อสายยางให้น้องเล่น แต่แรงดันน้ำก็ไม่แรง ตอนที่น้องโดนต่อว่าตนไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ งง ว่าป้าไปโกรธใครมาทำไมมาใส่อารมณ์กับเด็ก ขอโทษก็แล้ว ก้มหัวให้ก็แล้วก็น่าจะขับไปแบบรถคันอื่น แต่พอตอนนี้มาดูคลิปซ้ำๆ ก็รู้สึกสงสารลูก จริงๆไม่ได้อยากจะบอกว่าเป็นเจ้าของสวน 108 ไร่ แต่คิดว่าคงต้องบอกให้ป้ารู้บ้างว่า เราก็ไม่เคยไปดูถูกใครว่าต่ำหรือสูงกว่าใคร

ขณะที่ นางสาวยุมาพร แย้มสุวรรณ อายุ 35 ปี แม่น้องนาวา เปิดเผยว่า สภาพจิตใจน้องตอนนี้ก็ไม่ค่อยดี เวลาที่ตนพูดถึงเรื่องเล่นน้ำสงกรานต์ น้องนาวาก็จะบอกกับแม่ว่า จะไม่สาดรถคันสีแดงอีกแล้วครับเพราะเขาว่า จะสาดน้ำรถคันอื่นแทน ตนก็รู้สึกสงสารลูก เพราะลูกก็ถามตนว่าทำไมเขาต้องด่านาวาด้วยครับ ตนก็อยากฝากไปบอกป้าเจ้าของรถว่าจะทำอะไรให้มีสติกว่านี้ ส่วนที่ป้าบอกว่าพ่อแม่เด็กไม่สั่งสอนน้องนาวา ตนก็ไม่รู้จะบอกว่ายังไง แต่ก็ให้พิจารณาดูตัวเองเหมือนกันว่าเป็นยังไง โดยปกติน้องนาวาจะอยู่ที่ จ.สงขลา กับยายแต่ขึ้นมาเที่ยวในช่วงปิดเทอม วันที่ 25 เม.ย.นี้ ก็ต้องกลับแล้วก็สงสารลูกที่ขึ้นมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ และฝากขอบคุณทุกๆคนที่ให้กำลังใจน้องนาวาและครอบครัวของตน

ด้าน นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ ได้กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้ดูคลิปดังกล่าวแล้ว ซึ่งต้องดูว่า ป้า เจ้าของรถป้ายแดงที่ถูกเด็กสาดน้ำ ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพราะจากที่ตนได้ดูเหตุการณ์ในคลิป ก็ไม่เห็นว่าป้าจะเรียกร้องความเสียหายใดๆ เพียงแต่เกิดความไม่พอใจที่เด็กเอาน้ำมาสาดรถตนเพียงเท่านั้น และหากรถยนต์ของป้าไม่ได้รับความเสียหายใดๆ จากการโดนสาดน้ำ ก็ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้ หรือหากมีการสาดน้ำแล้วน้ำเข้าไปในรถจนเกิดความเสียหาย ก็ต้องดูว่าเกิดความเสียหายมากน้องแค่ไหน ก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามความเป็นจริงเท่านั้น เช่น สมมติว่าพรมเปียกก็อาจจะเรียกค่าเสียหายเป็นค่าซักพรม เพียงแค่ 1-2 พันบาท เท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้มากกว่านี้ ในส่วนที่ป้า ได้มีการพูดจาดูถูก ด่าทอ เด็กและครอบครัวนั้น ทนายเกิดผล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เจ้าอารมณ์ต่อว่าเด็ก ในส่วนนี้ก็ยังไม่ถือว่าเกิดความเสียหาย และที่ป้าลงมาตำหนิเด็ก ก็อาจทำให้เด็กเกิดความกลัวหรือตกใจ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบทางด้านจิตใจและความรู้สึกของเด็กบ้าง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นความเสียหายทางด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งยังไม่ถึงขั้นสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือโทษทางอาญาใดๆ ได้