ตรงจุดได้อีก 'อนุทิน' ตั้ง 'ชาดา' ปราบมาเฟีย

11 ก.ย. 66

‘อนุทิน’ ตั้ง ‘ชาดา’ ปราบผู้มีอิทธิพลเพราะ เข้าใจ- กล้าชน-ตรงจุด ชี้ต้องทำให้รู้ว่าอย่าลุแกอำนาจ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคภูมิใจไทยประจำสัปดาห์ ถึงการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า ได้มอบหมายให้ สส. พรรคภูมิใจไทยไปศึกษารายละเอียดนโยบายรัฐบาล ซึ่งส่วนไหนที่เป็นนโยบายของพรรคให้ช่วยกันอภิปรายสนับสนุนถึงเหตุผลของนโยบาย และคอยช่วยชี้แจงกรณีหากมีความเข้าใจผิดในนโยบายของพรรคหรือพูดในทางเสียหาย รวมถึงตัวรัฐมนตรีด้วยที่ในวันพรุ่งนี้ (11 กันยายน) คงมีการหารือกับนายกรัฐมนตรีว่าหากถูกพาดพิง ท่านมีความประสงค์ให้รัฐมนตรีแต่ละท่านช่วยชี้แจงหรือไม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลว่าจะสำเร็จได้เมื่อใดนั้น อนุทินกล่าวว่า คงไปกำหนดวันเสร็จไม่ได้ แต่จะทำให้พวกเขารู้ว่าต่อไปจะทำอะไรลุแก่อำนาจไม่ได้อีก ซึ่งคำว่าผู้มีอิทธิพลมันมีนิยามอยู่ เช่น ฮั้วประมูล ค้าประเวณี ค้าน้ำมันเถื่อน เป็นต้น ซึ่งจะนำมาพิจารณาด้วย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เลือกให้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลถือว่าแก้ปัญหาได้ตรงจุดใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ชาดาก็มาช่วยกับตำรวจในการแก้ปัญหา เช่น กรณีอดีตกำนันนก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ากำนัน สังกัดมหาดไทย ซึ่งวานนี้ (9 กันยายน) ก็มีการเพิกถอนใบอนุญาตการใช้อาวุธซึ่งถือว่ามีการตอบสนอง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การให้ชาดามาแก้ปัญหาตรงนี้เหมือนเป็นการหนามยอกเอาหนามบ่งหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า เราต้องเลือกคนที่มีความเข้าใจว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องมีใจที่จะกล้าชนกับคนพวกนี้ ตนเชื่อว่าชาดากล้าชน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ระบุว่าให้ชาดาตรวจสอบตัวเองก่อนนั้น อนุทินกล่าวว่า วาทกรรมก็ต้องเป็นแบบนี้ แทนที่จะให้คนไปทำคุณประโยชน์กลับมาพูดแบบนี้ก็คงไม่ถูกนัก คนมาเป็นรัฐมนตรีต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งเรื่องนี้ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนมีการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ฉะนั้นจึงไม่ควรพูดถึงว่าชาดาเป็นอย่างไร เพราะแบบนี้มันเป็นการด้อยค่า

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะแก้ปัญหากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นผู้มีอิทธิพลได้อย่างไร อนุทินกล่าวว่า ผู้มีอิทธิพลหากเป็นคนธรรมดา อิทธิพลก็มาจากคนที่เป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปยอมเขา เราต้องทำให้เห็นว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนที่ควรสมยอม ต้องไม่ยอมรับผลประโยชน์จากคนพวกนี้เลย หากไปรับเงินทอง ทรัพย์สิน ก็เท่ากับเราไปยอมให้ระบบนี้เกิดขึ้น ถ้าตนมาอยู่ตรงนี้ส่วนที่รับผิดชอบอยู่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น และตนต้องทำให้ได้

“ผมไม่ได้ขี่ม้าควบเป็นคาวบอยไปยิง แต่ผมบอกว่าประเทศนี้ต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้ ผมมีปลัดกระทรวง มีผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี นายอำเภอ กลไกเหล่านี้เดินอยู่ ถ้ารัฐมนตรีบอกว่ามีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ แล้วผู้ว่าราชการจังหวัดคนไหน นายอำเภอคนไหน ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ผมก็รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร” อนุทินกล่าว

อนุทินยังได้แสดงความขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และนายอำเภอในพื้นที่ ที่เร่งรีบดำเนินการกรณีเหตุยิงตำรวจในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงความตื่นตัว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม