กรณีวันที่ 10 พ.ย.65 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่นำรวจ สภ.เมืองเลย ได้รับแจ้งเหตุยิงตัวตาย ที่สวนยางพาราพื้นที่ บ.ภูสวรรค์ ต.เสี้ยว อ.เมืองเลย จ.เลย
ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายอุเทน รามศิริ อายุ 43 ปี ม.3 บ.กกทอง ต.กกทอง อ.เมืองเลย จ.เลย และผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บทราบชื่อ นางบุหรัน เสนผาบ อายุ 35 ปี ม.4 บ.ภูสวรรค์ ต.เสี้ยว อ.เมืองเลย จ.เลย ภรรยาผู้เสียชีวิต
วันที่ 11 พ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นกระท่อมภายในหุบเขา รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ต้องเดินจากเขาความสูง 120 เมตรลงไป เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่าเป็นกระท่อมสร้างด้วยไม้ จุดที่เกิดเหตุและพบร่างผู้เสียชีวิตอยู่ภายในกระท่อม ส่วนบริเวณแคร่ไม้ด้านหน้ากระท่อม เป็นจุดที่พบร่างผู้บาดเจ็บ ซึ่งยังพบกระติดน้ำและเศษผ้าที่นางบุหรัน คนเจ็บใช้ผ้าดังกล่าวชุบน้ำในกระติกเพื่อดื่มกินประทังชีวิต และยังพบพัดลมที่นายอุเทน ผู้เสียชีวิต เปิดให้ศพของตัวเองก่อนสิ้นใจอีกด้วย
โดยในจุดเกิดเหตุยังพบลายมือของผู้ตายที่เขียนบทสวดมนต์ไว้ในกระดาษว่า “กาเยนะวาจา นะวาเจตัดสะวา ธัมเมอุกัมมัง ปะกาตัง ทำโม ปะติคันหาตุ อัดตะยันตัง กะละงกะเล สังวาริตุงกะเค” ซึ่งกระดาษบทสวดดังกล่าววางอยู่ที่กระท่อมจุดเกิดเหตุอีกด้วย ซึ่งพอทีมข่าวนำเนื้อหาของบทสวดมนต์ดังกล่าว ไปค้นดูในอินเอร์เน็ตก็พบว่าเป็น “คำขอขมา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์”
นางสมพิศ แม่ของผู้บาดเจ็บ บอกกับทีมข่าวว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.00 น. นายอุเทน ลูกเขยตัวเองเขามารับนางบุหรัน และ ด.ช.โฟวิน อายุ 8 ขวบ ลูกชายคนเล็ก ออกจากบ้าน จากนั้นก็ส่งภรรยาที่กระท่อมจุดเกิดเหตุ แล้วก็เอาลูกคนเล็กไปไว้ที่บ้านญาติในพื้นที่อีกตำบล จากนั้นนายอุเทนก็ขับรถไปหาภรรยาที่กระท่อมจุดเกิดเหตุ แล้วก็ไม่กลับเข้ามาบ้านอีกเลย
กระทั่งเวลาบ่ายเมื่อวานนี้ ครอบครัวของนายอุเทน ติดต่อมาหาตัวเองว่าทำไมนายอุเทนไม่ไปรับ ด.ช.โฟวิน ลูกชายคนเล็กกลับบ้าน เพราะปกติ นายอุเทน จะหายไปไม่นาน ทันใดนั้นตัวเองและเด็กชายโฟกัส อายุ 12 ปี ลูกชายคนโต ของผู้บาดเจ็บ ได้ขับรถมอเตอไซต์เพื่อไปยังกระท่อมจุดเกิดเหตุ ระหว่างที่จอดรถอยู่บนเนินเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องตะโกนมาจากหุบเขาว่า “โอ้ย ๆ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ด.ช.โฟกัส ขึงมั่นใจว่าเป็นเสียงแม่ของเขาแน่ ๆ ตัวเองและหลานชาย จึงรีบวิ่งลงไปยังกระท่อมกลางหุบเขา เพื่อดูเหตุการณ์ ซึ่งเมื่อไปถึงกระท่อมก็พบว่านางบุหรัน ลูกสาวตัวเอง นอนจมกองเลือดที่หน้ากระท่อม ส่วนด้านในกระท่อมพบศพของนายอุเทน ลูกเขย นอนขึ้นอืดอยู่ สภาพมีตัวต่อและแมลงตอมศพ หลายชายตัวเองจึงโทรแจ้งญาติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่ง
ระหว่างนั้นนางบุหรัน ลูกสาวตัวเอง ได้เล่าเหตุการณ์ให้ตัวเองฟังว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 6 พ.ย. 65 นายอุเทน หลอนว่าจะมีคนมาทำร้าย แล้วบอกว่าญาติไม่รัก จากนั้นเขาเอามีกพร้าจะมาแทงนางบุหรันภรรยา แต่นางบุหรันแย่งมีดมาได้ พร้อมบอกสามีว่า “อย่าทำ อย่าทำ” จากนั้นนายอุเทน ก็ใจเย็นลง จนผ่านไปประมาณ 30 นาที นายอุเทน ได้ถือปืนลูกโม่สั้น ขึ้นมาพร้อมพูดกับภรรยาว่า “ไปอยู่กับพี่ พี่อยู่คนเดียวไม่ได้ พี่เหงา” จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ใช้อาวุธปืนยิงที่ขาทั้งสองข้างของภรรยาและที่หน้าอกอีก 1 นัด จนนางบุหรันล้มลงไปนอนกับพื้นที่นอน นายอุเทน จึงคิดว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว จากนั้นเขาก็ได้ก่อเหตุยิงตัวเองตายตามภรรยา
พอนายอุเทนยิงตัวเองเสร็จแล้ว เขาได้ล้มนอนกับพื้นข้างภรรยาพร้อมพูดว่า “พี่ไม่ไหวแล้ว ตัวพี่ร้อนรนไปหมด” แล้วลูกสาวก็เห็นสามี ใช้มือเงื่อมไปเปิดพัดลม เพื่อเปิดพัดใส่ร่างของนายอุเทน ก่อนที่นายอุเทน จะนอนแน่นิ่งไป จากนั้นลูกสาวก็นอนจมกองเลือดอยู่กับศพสามี 3 คืน คือคืนวันที่ 6-8 พ.ย. ตลอดเวลาที่อยู่กับศพลูกสาวไม่สามารถลุกขึ้นไปไหนได้ ได้แต่ตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครได้ยินเนื่องจากกระท่อมอยู่กลางหุบเขา
กระทั่งเช้าวันที่ 9 พ.ย. ลูกสาวหิวข้าวและหิวน้ำมาก ลูกสาวจึงค่อย ๆ คลานตะเกียกตะกายออกมาที่แคร่หน้าบ้าน เพื่อมาอยู่ใกล้กระติกน้ำ จากนั้นนางบุหรันลูกสาวจึงได้เก็บเศษผ้าแถวนั้น แล้วเอาผ้าไปชุบน้ำในกระติกแล้วมาหยดใส่ปากตัวเอง เพื่อประทังชีวิต จนกระทั่งเมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ ตัวเองจึงมาพบลูกสาว
สำหรับปมที่นายอุเทน มาก่อเหตุคาดว่ามาจากเรื่องอาการหลอนยา และเรื่องปัญหาส่วนตัว เพราะนายอุเทนเคยระบายให้ลูกสาวตัวเองฟังว่า ทางครอบครัวจะยกร้านและที่ดินให้กับเขา แต่จู่ ๆ ครอบครัวของนายอุเทน ก็ขายบ้านพร้อมทีีดินผืนนั้น แล้วไม่ยกให้นายอุเทน และนายอุเทนก็เป็นคนเก็บกด เนื่องจากเขาเคยบอกว่าถูกพ่อทำร้ายร่างกายมาแต่เด็ก พ่อเขาก็ไม่รัก
เมื่อวันศุกร์ ที่ 4 พ.ย.65 นายอุเทน ได้มาถามตัวเองว่า “แม่ รักผมไหม ที่ผมเป็นคนไม่ดี ถ้าที่ผ่านมา ตัวเองทำอะไรไม่ดีให้ ก็ขอขมาด้วยนะ” จากนั้นเขาก็เข้ามากราบเท้าตัวเอง แล้วตัวเองก็ลูบหัวให้เขา ส่วนเรื่องที่ผู้ก่อเหตุและลูกสาวตัวเองต้องจ่ายค่างวดรถกระบะทุกเดือน เดือนละประมาณ 12,000 บาท จึงอาจเป็นความเครียดเรื่องหนี้สินนำมาสู่การก่อเหตุนั้น ตัวเองก็ติดว่าประเด็นนี้น่าจะไม่ใช่เพราะที่ผ่านมาเรื่องค่างวดรถลูกสาวก็ไม่มีปัญหาแล้วญาติก็ช่วยออกให้อีกด้วย ตอนนี้เหตุก็ได้เกิดไปแล้วตัวเองก็ให้อภัยผู้ก่อเหตุกับสิ้งที่เขากระทำลงไปเพราะตอนที่เขาดีเขาก็ดีมาก
ทีมข่าวได้รับกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ ซึ่งเป็นวินาทีสุดท้ายที่ผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บอยู่ในหมู่บ้าน กล้องตัวที่ 1 เป็นเหตุการณ์วันที่ 5 พ.ย. 65 วันสุดท้ายที่คนตายและคนเจ็บอยู่ในหมู่บ้าน โดยกล้องดังกล่าวจะเห็นว่า นายอุเทน เดินมาที่ร้านขายของชำในหมู่บ้าน เพื่อซื้อของ นายอุเทนเดินเข้าไปในร้านและมี ด.ช.โฟวิน วัย 8 ขวบ ลูกชายคนเล็ก ยืนอยู่ข้าง ๆ
นายอุเทน ออกมานั่งหน้าร้าน ลักษณะเอามือขวามากุมขมับ นางบุหรัน ผู้บาดเจ็บ เดินออกมาจากร้านค้า แล้วรับถั่วฝักยาวจากมือนายอุเทน นายอุเทนและนางบุหรัน เดินกลับบ้าน คาดว่าหลังจากกลับบ้านแล้ว นายอุเทน ได้ไปส่งภรรยาที่กระท่อมจุดเกิดเหตุ แล้วไปส่ง ด.ช.โฟวิน ที่บ้านแม่ของเขา ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถไปที่จุดเกิดเหตุ
ต่อมาทีมช่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.วาสนา เสนผาบ อายุ 25 ปี น้องสาวของผู้บาดเจ็บ เล่าว่าสำหรับนางบุหรันพี่สาวตัวเอง ตอนนี้ก็อาการดีขึ้นแล้วสามารถพูดคุยได้ ซึ่งพรุ่งนี้แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดเอากระสุนออกให้พี่สาว โดยตัวเองยังเป็นคนที่เฝ้าดูอาการพี่สาวที่โรงพยาบาลอยู่เรื่อย ๆ แพทย์ให้ญาติเยี่ยมอาการพี่สาว 1 ครั้งต่อวัน ในช่วงเวลา 19.00 น. ถึง 20.00 น. เท่านั้น
ส่วนปมก่อเหตุ ตัวเองคาดว่าน่าจะมาจากอาการหลอนที่นายอุเทน เป็นคนเสพยาเสพติด สำหรับพี่สาวและนายอุเทน ก่อนหน้านี้ก็เคยทีปากเสียงทะเลาะกันมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรงแต่อย่างใด แล้วผู้ก่อเหตุ ก็ไม่เคยขู่จะฆ่าพี่สาว หรือขู่จะฆ่าตัวตายแต่อย่างใด
ขณะทีมข่าวถึงที่เกิดเหตุนั้น นางสมพิศ เสนผาบ อายุ 62 ปี แม่ของผู้บาดเจ็บก็พึ่งทำพิธีช้อนขวัญลูกสาวที่บาดเจ็บกลับบ้าน โดยแม่ของผู้บาดเจ็บบอกว่า วันนี้ตัวเองมาทำพิธีเรียกขวัญลูกสาวตามความเชื่อ โดยการนำสวิงมาช้อนที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งได้ดอกไม้ ใบไม้จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็มัดดอกไม้ใบไม้ไว้ในสวิงด้วยสายสิญจน์ ซึ่งหลังจากนี้ตัวเองจะเอาสิ่งของที่ช้อนได้ ไปให้ลูกสาวที่โรงพยาบาล เพื่อนำขวัญที่ได้ ไปให้เขา เขาจะได้หายดี
ทีมข่าวได้วีดีโอคอล ไปพูดคุยกับนางบุหรัน ผู้บาดเจ็บ ซึ่งเจ้าตัวยังพูอะไรมากไม่ได้ บอกกับทีมข่าวสั้น ๆ ว่า สู้ ๆ โดยพรุ่งนี้แพทย์จะทำการผ่าจัดเอากระสุนออกมห้กับนางบุหรัน ผู้บาดเจ็บต่อไป
ต่อมาทีมช่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังงานศพของนายอุเทน รามศิริ อายุ 43 ปี ซึ่งตั้งโลงศพ ม.3 บ้านกกทอง ต.กกทอง อ.เมืองเลย จ.เลย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายแสวง รามศิริ อายุ 64 ปี นางลำพูน รามศิริ อายุ 65 ปี พ่อและแม่ของนายอุเทน ผู้เสียชีวิต นางลำพูน ผู้เป็นแม่เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 65 ลูกชายตัวเอง ได้ขับรถพา ด.ช.โฟวิน มาไว้ที่บ้านตัวเอง จากนั้นนายอุเทน เขาก็เช้ามาจับแขนตัวเองแล้วพูดว่า “ลูกไม่มีใคร ก็มีแต่พ่อกับแม่นี่หละ” จากนั้นลูกชายก็ชับรถออกไปจากบ้าน โดยลอกว่าจะไปหาภรรยาที่สวนยาง กระทั่งพวกตัวเองมาทราบข่าว เมื่อวานนี้ว่าลูกชายไปก่อเหตุ ยอมรับว่าตกใจและเสียใจมาก
นายแสวง ผู้เป็นพ่อ คิดว่าสาเหตุที่ลูกชายก่อเหตุ อาจมาจากเรื่องของยาเสพติดและโรคซึมเศร้าของลูกชาย เพราะที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวกับภรรยา ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง ยังเห็นรักกันดีอยู่เลย ส่วนกรณีเรื่องที่ลูกชายเคยไประบายกับครอบครัวภรรยาว่า ตัวเองทำร้ายจิตใจเขาตั้งแต่เด็ก และขายบ้านของลูกชายทิ้งนั้น ขอยืนยันว่าไม่จริง ตัวเองบอกลูกชายว่าจะยกบ้านหลังหนึ่งให้เขา แต่ลูกชายก็ปฏิเสธเอง ว่าไม่ต้องการบ้านหลังนั้น เขาอยากจะไปอยู่กระท่อมในสวนยางกับภรรยา
ตัวเองยืนยันว่ารักลูกชายมาก ๆ อบากบอกว่าพ่อรักลูกทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่รัก ส่วนปืนที่ก่อเหตุ ก็เป็นปืนที่ลูกชายไปหาซื้อมาเอง สำหรับศพของลูกชาย จะเผาวันพรุ่งนี้ ที่ป่าช้าหลังหมู่บ้าน
