ศาลส่งคืนบ้านป่าแหว่ง 45 หลัง ภาค ปชช.เตรียมปลูกป่า ย้้ำต้องรื้อถอน

27 เม.ย. 65

สิ้นสุดมหากาพย์ 4 ปี ทวงคืน "บ้านป่าแหว่ง" ศาลอุทธรณ์ ภาค 5 ส่งคืนบ้าน 45 หลังให้กรมธนารักษ์ เปิดทางภาคประชาชนฟื้นฟูป่าดอยสุเทพ

วันนี้ (27เม.ย.65) ที่โครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ ศาลอุทธรณ์ ภาค 5 บนพื้นที่ราชพัสดุ 147 ไร่ เชิงดอยสุเทพ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์และผู้บริหารศาลอุทธรณ์ ภาค 5 เป็นตัวแทนหน่วยงานในการส่งมอบพื้นที่ในส่วนของบ้านพัก 45 หลัง พื้นที่ประมาณ 85 ไร่ พร้อมด้วยครุภัณฑ์ต่างๆ หลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 คืนให้กับกรมธนารักษ์โดยมีตัวแทนเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นำโดย นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน และร่วมกันตรวจสอบพื้นทีก่อนที่จะมีการส่งมอบ ขณะที่ในส่วนของอาคารชุดที่เหลืออีก 9 หลังจะมีการดำเนินการต่อไปตามลำดับ

อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า การรับมอบพื้นที่คืนในครั้งนี้ เบื้องต้นเพื่อเป็นการปลดล็อคให้สามารถดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ต่อไปตามลำดับ จากนี้ทางคณะกรรมการระดับจังหวัดที่มีผู้แทนเครือข่ายฯ รวมอยู่ด้วย จะไปพิจารณาหารือร่วมกันเพื่อกำหนดรายละเอียดการดำเนินการต่างๆ ต่อไป ให้สอดคล้องตรงความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย

ส่วนครุภัณฑ์ต่างๆ นั้นเมื่อรับมอบแล้ว จากนี้มีการดำเนินการระเบียบ ทั้งตรวจสอบและตรวจนับพร้อมส่งมอบให้ส่วนราชการต่างๆ ที่ต้องการนำไปใช้ประโยชน์ หรือหากไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ก็จำหน่ายออกไปตามระเบียบ สำหรับในส่วนของอาคารชุด 9 หลังที่เหลือนั้นจะดำเนินการในลำดับต่อไป

บ้านป่าแหว่ง

นายธีระศักดิ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางภาคประชาชนเรียกร้องมาเกือบ 4 ปี วันนี้รู้สึกดีใจ ที่ทางกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการรับมอบคืนพื้นที่ แม้เบื้องต้นจะเป็นในส่วนของบ้านพัก 45 หลัง ส่วนอาคารชุดอีก 9 หลังจะดำเนินการต่อไป ซึ่งต้องขอบคุณทางศาลอุทธรณ์ภาค 5 ด้วย ที่ให้ความร่วมมือ จากนี้ทางเครือข่ายฯ วางแผนเบื้องต้นว่าอีก ช่วงต้นเดือน มิ.ย.65 จะนำประชาชนชาวเชียงใหม่ร่วมกันทำพิธีฮ้องขวัญ (เรียกขวัญ) ดอยสุเทพ และทำการปลูกป่า พื้นฟูสภาพป่าพื้นที่เชิงดอยบริเวณนี้ให้สมบูรณ์ดังเดิม

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการรื้อถอนบ้านพักทั้งหมดนั้น นายธีระศักดิ์กล่าวว่า ข้อเรียกร้องที่ผ่านมาของเครือข่ายฯ ยืนยันให้ทำการรื้อถอนแต่ติดขั้นตอนและข้อกฎหมาย ซึ่งจะมีการหารือร่วมกันต่อไป ทั้งนี้ในที่สุดแล้วหากไม่สามารถรื้อถอนได้ ทางเครือข่ายฯจะพิจารณาฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการที่นายกฯ แต่งตั้ง ซึ่งมีมติให้รื้อถอนทั้งบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลังออกไป

สำหรับอาคารชุด 9 หลังที่ยังไม่มีการส่งมอบคืนนั้น จะให้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน ถึงวันที่ 7 ก.ย.ที่เป็นกำหนดว่าจะย้ายออกไปหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จังหวัดเชียงรายก่อสร้างเสร็จตามมติ ครม.ที่จังหวัดลำปาง ซึ่งแม้ในความเป็นจริงเวลานี้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จังหวัดเชียงราย เพิ่งจะมีความคืบหน้าก่อสร้างไป 10% เท่านั้นและไม่น่าเสร็จทัน แต่ทางเครือข่ายฯ จะขอยึดกำหนดเวลาดังกล่าว

เบื้องต้นทางเครือข่ายฯกำหนดด้วยว่า อาจจะนัดเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 7 ก.ย.65 เพื่อทวงสัญญาและเรียกร้องให้ผู้ที่อยู่อาศัยในอาคารชุดทั้ง 9 หลังทยอยย้ายออกไปและส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวคืน เพื่อปลูกป่าฟื้นฟูผืนป่าเชิงดอยสุเทพ ที่ถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเชียงใหม่ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม และลบร่องรอยป่าแหว่งออกไป

สำหรับการรื้อถอนบ้านพักดังกล่าวนั้น ปกติตามกฎระเบียบข้อกฎหมายหากอาคารสิ่งปลูกสร้างถูกทิ้งร้าง 10 ปี สามารถรื้อถอนได้อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเตรียมขออนุญาตทำการรื้อถอนแท็งค์น้ำสูงนับ 10 เมตรออกไปก่อน เพื่อลดทัศนอุจาดและเตรียมนำร่องทำการปลูกป่าในพื้นที่บ้านพัก 2 หลัง เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นในระหว่างที่ยังไม่มีการรื้อ แต่จุดยืนหลักยังคงยืนยันให้รื้อ

บ้านป่าแหว่ง

รายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างการส่งมอบคืนพื้นที่ครั้งนี้ ทางตัวแทนเครือข่ายฯ ได้มีการพูดคุยและให้ข้อเสนอแนะกับทางอธิบดีกรมธนารักษ์เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างบ้านคนไทยประชารัฐ จ.เชียงใหม่ที่อยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการ บนพื้นที่ราชพัสดุ 15 ไร่ใน ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่เชิงดอยสุเทพเช่นกัน โดยแสดงความเป็นห่วงกังวลว่าการก่อสร้างอาคารชุดกว่า 1,000 ห้อง บนพื้นที่ดังกล่าวอาจจะเกิดศักยภาพของพื้นที่ในการรองรับและจะส่งผลกระทบในด้านต่างๆ ตามมา

พร้อมทั้งเรียกร้องว่าการดำเนินการโครงการควรบังคับใช้กฎหมายผังเมืองเหมือนกับโครงการปกติทั่วไปโดยไม่อาศัยข้อยกเว้นของการเป็นโครงการรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย นอกจากนี้มีข้อห่วงใยด้วยว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ที่มีรายได้น้อยไม่น่าจะมีศักยภาพทางการเงินพอที่จะซื้อห้องชุดดังกล่าว แต่จะตกเป็นของกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อนำไปเก็งกำไรจึงอยากให้พิจารณาทบทวนเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างรอบคอบ ตลอดจนกำหนดบรรทัดฐานการใช้ประโยชน์พื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในรอยต่อดอยสุเทพให้ดีเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกรณีบ้านป่าแหว่งอีก 

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส