เปิดชนวนมรณะโจ๋ 16 ฆ่าแม่ ม.2 เพื่อนแฉคบสองปีนัดหนีตาม แค้นแผนแตกเลยคิดฆ่า (คลิป)

9 เม.ย. 65

จากกรณีเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 7 เม.ย. 65 พ.ต.ต.อุทิศ พาราษฎร สารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุแทงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ในโครงการเอื้ออาทร ขจรวิทย์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.บางพลี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

191853

บริเวณหน้าตึก 39 เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้นำ นายกิตติ เมาะราสี อายุ 23 ปี ได้รับบาดเจ็บ มีแผลถูกของมีคมแทง บริเวณกกหู 1 แผล หลัง 2 แผล และตามตัวด้านหน้าอีกหลายแห่ง หน้าห้องเกิดเหตุ พบนายบี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นั่งอยู่ในสภาพเสื้อผ้า และเนื้อตัวเปื้อนเลือด ภายในห้องพบร่างนางสาวจีรพา ปาพรหม อายุ 53 ปี นอนหงายเสียชีวิตที่บริเวณหน้าห้องน้ำ

925248

นางกฤษณา ก้อนคำ อายุ 42 ปี นิติบุคคล เปิดเผยว่า ครอบครัวของ ด.ญ.เอ ได้มาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเอื้ออาทรตั้งแต่ปี 2552 โดยอาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คนแม่ลูก โดยนางสาวจีรพา ผู้เสียชีวิต เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ผ่านมา ด.ญ.เอ เป็นคนเรียบร้อย ไม่สุงสิงกับใคร เรียนเก่งได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า แต่พอเรียนออนไลน์ เกรดเฉลี่ยเริ่มตกลงมาที่ 2 ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับการมีแฟนหรือไม่ ซึ่งทำให้นางสาวจีรพา ผู้เสียชีวิต ได้ตักเตือนเพราะเป็นห่วง ขณะเดียวกันตนไม่เคยทราบว่า ด.ญ.เอ มีแฟน เพราะเห็นว่าเลิกเรียนแล้วจะกลับเข้ามาอยู่ในห้องของตัวเอง และไม่รู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 65 ตนพบเห็นว่า ด.ญ.เอ ได้ถือกระเป๋าออกมา 2 ใบ คล้ายกับจะออกไปพักที่อื่น ส่วนตัวไม่ได้สอบถาม กระทั่งนางสาวจีรพา ผู้เสียชีวิต ได้ออกตามหาขอดูกล้องวงจรปิด จนพบว่า ด.ญ.เอ ได้ออกไปกับแฟนหนุ่ม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าน่าหดหู่ใจ ไม่คิดว่า ด.ญ.เอ จะกล้ากระทำแบบนี้ ส่วนสาเหตุคาดว่าหากฆ่าแม่แล้วคงจะอยู่ด้วยกัน ทั้งนี้ อยากฝากถึง ด.ญ.เอ ว่าหากย้อนกลับไปไม่สมควรที่จะก่อเหตุ และอยากให้คิดได้มากกว่านี้

245787

ด้านนายแฟรงค์ (นามสมติ) เพื่อนสนิทของคนก่อเหตุ รุ่นพี่คนรู้จักกับลูกสาวของคนตาย เปิดเผยว่า ตนเองรู้จักกับคนก่อเหตุ และสนิทมากกว่าลูกสาวคนตาย ทั้งคู่คบหากันได้ประมาณ 2 ปี การคบหากันเป็นเพราะอยู่โรงเรียนเดียวกัน และเจอหน้ากันในโรงเรียน ช่วงเวลาพักเที่ยงก็จะไปเจอกันที่โรงอาหาร บางครั้งก็ไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ส่วนเพื่อนสนิทของตนเองก็เริ่มมีนิสัยเปลี่ยนไป หันไปสนใจแฟนสาวมากกว่าเพื่อน เวลาชักชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไป แต่เมื่อก่อนจะไปออกกำลังกายและซ้อมดนตรีด้วยกัน ช่วงระยะหลังก็ยอมรับว่าติดแฟนค่อนข้างมาก มีหลายครั้งที่มาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน คนก่อเหตุก็พาแฟนสาวมาให้เพื่อนรู้จัก แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะผู้หญิงจะมีโลกส่วนตัวสูง

ส่วนในเรื่องของการกีดกันความรักนั้น ยอมรับว่าในกลุ่มเพื่อนก็ไม่ได้มีใครกีดกัน ส่วนที่โรงเรียนก็เห็นใช้ชีวิตกันตามปกติ ยกเว้นที่บ้านก็ไม่มีใครรู้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเพื่อนของตนเองก็ไม่เคยมาเล่าให้ฟังว่าถูกกีดกันความรัก ประกอบกับช่วงระยะหลังเป็นการเรียนออนไลน์ ทำให้เพื่อนของตนเองกับแฟนสาวอาจจะอยู่ห่างกัน แต่ก็มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ปกติ

หลังจากที่เกิดเหตุ ยอมรับว่าตกใจ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนสนิทของตนเองจะไปก่อเหตุทำร้ายหรือแทงคนตาย เพราะเจ้าตัวเป็นคนนิ่งเงียบ แต่ก็ไม่ได้มีนิสัยใช้ความรุนแรง ฉะนั้นจึงไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าพูดถึงความรักที่มีต่อแฟนสาว ยอมรับว่าเพื่อนเป็นคนทุ่มเทและรักแฟนสาวมาก จึงไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้อาจเกิดเหตุในเรื่องของการถูกกีดกัน แล้วมีการบอกให้เพื่อนสนิทของตนเองซึ่งเป็นแฟนหนุ่มมาทำร้ายแม่ด้วยหรือไม่

510069

น.พ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ กล่าวว่า กรณีเด็ก 14 และ 16 ปี ได้วางแผนร่วมกัน ใช้มีดแทงแม่ของฝ่ายหญิง ระทั่งหลังก่อเหตุได้มานั่งร้องไห้กุมมือกันอยู่หน้าห้องนั้น โดยฝ่ายชายเอามือกุมศีรษะ และก้มหน้าร้องไห้ ภาษากายแสดงถึงอาการตกใจ ไม่รู้ แล้วก็ไม่พร้อม ที่จะยอมรับว่าอนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อไป หรืออาการเหลือบตามองเจ้าหน้าที่กู้ภัยในบางครั้ง ที่กู้ภัยสอบถามข้อมูล ซึ่งฝ่ายชายก็ตอบคำถามกู้ภัยแบบไม่รู้สึกสำนึกผิด แต่รู้สึกกังวลว่าอนาคตจะเป็นอะไรต่อไป

694439

ส่วนฝ่ายหญิงแสดงท่าทางโดยการเอามือไปลูบศีรษะของฝ่ายชาย สื่อถึงการปลอบโยนว่า "ฉันจะอยู่เคียงข้าง" แต่อยู่เคียงข้างในสถานการณ์นี้เท่านั้น ถ้าหลังจากนี้หรือเรื่องหนักกว่านี้ ฝ่ายหญิงคงอยู่ด้วยไม่ได้หรอก "ฉันคิดอะไรไม่เป็นหรอก" เพราะขนาดเรื่องที่คิดจะไปแทงแม่ตัวเองยังคิดไม่ออกเลย

547230

หมอกอล์ฟ กล่าวต่อว่า จุดจบของเรื่องนี้ไม่ได้แฮปปี้แอนดิ้งเหมือนในละคร ผู้ชายจะต้องไปอยู่ศาลเยาวชน ส่วนผู้หญิงอาจต้องมีปมทางใจ ถ้าจะรักกันจริง ใช้ความรักอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้สติและเวลาในการเรียนรู้กันไป ซึ่งผู้ใหญ่ไม่มีใครอยากกีดกัน แต่เขาอยากให้ค่อยเรียนรู้กันไป ตนอยากฝากถึงผู้ปกครองว่าวัยรุ่นเป็นวัยคึกคะนอง บางทีการกีดกันให้เด็กห้ามคบกัน อย่าพูดจารุนแรง พ่อแม่ผู้ปกครองต้องทำตัวเหมือนเป็นเพื่อน มีปัญหาอะไรเด็กจะได้ไว้ใจปรึกษาพูดคุยกับเรา

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส