ยันชัด! แตงโมไร้แผลรัดคอ - หลัง เฉลยเหตุศพเมา 93% เดชาคาดจับเพิ่มทั้งลำ (คลิป)

31 มี.ค. 65

สืบเนื่องจากกรณีการชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 2 ที่ทางด้าน "นางภนิดา ศิริยุทธโยธิน" แม่ของแตงโม และนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย อดีตทนายความส่วนตัว ได้มีการยื่นเรื่องต่อสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ในช่วงวันที่ 14 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา พร้อมมีการระบุขอให้มีการชันสูตรในส่วนของ 11 จุด

338904

1. บริเวณศีรษะโดยรอบของผู้ตาย, 2. บริเวณใบหน้าของผู้ตาย, 3. บริเวณลำคอที่ผู้ตายสวมใส่สร้อย, 4. บริเวณหน้าอกใต้ลำคอ, 5. บริเวณบาดแผลที่ขา, 6. บริเวณบาดแผลบริเวณน่องและข้อพับทั้งสองข้าง, 7. บริเวณเล็บมือทั้งสองข้างของผู้ตาย, 8. บริเวณแผ่นหลังของผู้ตาย, 9. บริเวณหลอดลมของผู้ตาย, 10. บริเวณอวัยวะเพศของผู้ตาย, 11. เสื้อผ้าที่ผู้ตายสวมใส่ในวันเสียชีวิต

851088

ล่าสุด วันที่ 31 มี.ค. 65 เวลา 15 .00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะประธานกรรมการผ่าพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์, นพ.รักษชัย นาทองไชย หัวหน้ากลุ่มพยาธิวิทยา สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะกรรมการผ่าพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความในฐานะตัวแทนครอบครัวผู้ตาย ร่วมแถลงผลการผ่าพิสูจน์ร่างแตงโม การชันสูตรพลิกศพรอบที่ 2

669274

ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ระบุว่า การผ่าสูตรพริกศพครั้งนี้เป็นการทำตามข้อเรียกร้อง 11 ข้อที่มีการร้องขอจากญาติ บางเรื่องเป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน และบางเรื่องนั้นสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ก็ได้มีการผ่าพิสูจน์ไปแล้วซึ่งที่ผ่านมาได้เชิญมาร่วมฟังบรรยายสรุปก็ได้รับคำตอบว่ามีการผ่าพิสูจน์ตามขั้นตอนถูกต้องอย่างเรียบร้อย การผ่าพิสูจน์ครั้งที่ 2 นั้น ย่อมรับว่าค่อนข้างมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง ทั้งในเรื่องของสภาพศพที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ

เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้อง ทางกระทรวงยุติธรรมจึงต้องส่งให้มอบผลการชันชันสูตรพลิกศพรอบที่ 2 ให้กับญาตินั้นเนื่องจากการผ่าตัดหลักสูตรครั้งนี้ เป็นการผ่าโดยการร้องขอจากญาติ ไม่ใช่พนักงานสอบสวน จึงต้องส่งมอบผลการชันสูตรทั้งหมดให้กับญาติแทน

212773

โดยผลการชันสูตรพลิกศพรอบที่ 2 ปรากฏว่า 1.ศีรษะจากการผ่าพิสูจน์รอบแรกกับรอบสอง ไม่พบบาดแผลใด 2.สภาพใบหน้าของศพ มีการเปลี่ยนแปลงจากการผ่าครั้งแรกเพราะเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงหลังการตาย โดยหากญาติสงสัยสามารถขอภาพจากเจ้าหน้าที่ไปเปรียบเทียบได้ เพราะช่วงที่เกิดเหตุทางแพทย์ของกรมนิติวิทยาศาสตร์ ได้ลงพื้นที่และมีการถ่ายภาพไว้ก่อนที่สภาพการเปลี่ยนแปลงของศพหลังการตายได้ โดยสภาพที่แปรเปลี่ยนนั้นอาจเกิดจากอากาศ ความดัน

445671

3.ลำคอที่สวมสร้อยอยู่ มีภาพแรกว่าสร้อยคอยังคงหย่อน พอเวลาผ่านไปร่างกายก็บวมจนเป็นที่สังเกต ไม่พบว่ามีการรัดคอ 4.หน้าอกใต้ลำคอมีการเอาเนื้อเหยื่อไปตรวจสอบด้วย ซึ่งผลก็อยู่ในเอกสาร 5.บาดแผลที่ขามีทั้งหมด 22 บาดแผล ซึ่งผลการชันสูตรครั้งแรกไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่ครั้งที่ 2 ได้มีการจรวจสอบแล้ว

506697

6.เล็บมือ ตอนศพมาถึงมีการตัดไปตรวจแล้วและมีการตรวจซ้ำว่ามีการต่อสู้หรือไม่ ผลอยู่ในซองเอกสารยังไม่ทราบ 7.แผ่นหลังไม่พบว่ามีบาดแผล มีการตัดเนื้อเยื่อไปตรวจสอบก็ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด 8.หลอดลม 9.อวัยวะเพศ การตรวจสอบนำสารคัดหลั่งไปตรวจ ตรวจซีทีสแกนทั้งหมดไม่พบร่องรอย

10. เสื้อผ้าที่สวมใส่วันเสียชีวิต ในการตรวจรอบ 2 ไม่ใช่ชุดเดียวกันกับที่สวมใส่ คือไม่ได้ตรวจบอดี้สูท มาเจอในชุดที่มีการเปลี่ยนชุดไปเรียบร้อยร้อย 11.โครงสร้างกระดูกทั้งหมดไม่พบการแตกหัก เช่น ฟันยังครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากใช้ระบบซีทีสแกนตรวจสอบ

636227

ทั้งนี้ การตรวจสอบก็พบบาดแผลทั้งหมด 22 จุด ส่วนรายละเอียดอื่นเป็นเรื่องของตำรวจดำเนินการ อย่างไรก็ตาม สภาพศพรอบแรกยังไม่มีการฉีดฟอร์มาลีน รอบ 2 ฉีดแล้ว ทำให้บางอย่างตรวจได้ บางอย่างอาจไม่ยืนยันได้ ทำให้เกิดความแตกต่าง 4-5 ประเด็น

เมื่อถามว่าครั้งแรกที่มีการแถลงข่าวบาดแผลขาขวามีความผิดปกติ ในส่วนนี้จากการชันสูตรพลิกศพรอบที่ 2 พอจะได้คำตอบหรือไม่ว่าบาดแผลดังกล่าว เป็นร่องรอยถูกเฉือนในครั้งเดียว หรือว่าถี่ ๆ และผลการชันสูตรสุดท้ายแล้วเข้าข่ายอุบัติเหตุหรือไม่ ในส่วนนี้จะชี้ขัดว่าเป็นอุบัติเหตุหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ใช่พนักงานสอบสวน ตนเป็นแค่นักกฎหมาย เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่เจ้าหน้าที่จะใช้ประกอบการในพิจารณาคดีความหรือไม่อย่างไร หรือผู้เสียหายจะนำผลการผ่าพิสูจน์ไปใช้หรือไม่อย่างไร แต่ใน 11 ข้อที่ได้ร้องขอจะชี้แจงทั้งหมดในฐานะที่ได้รับเรื่องเข้ามา

683076

ด้าน "พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล" ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ อธิบายว่า กระบวนการตอนนี้เสร็จสิ้นแล้ว ยืนยันว่าการผ่าพิสูจน์รอบ 2 ถือเป็นประโยชน์ แต่มีข้อจำกัดเรื่องสภาพศพที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งข้อมูลจะถือเป็นความลับ โดยทนายเดชาได้รับมอบไปแล้ว ดังนั้นการจะเปิดเผยข้อมูลนั้นอาจไม่ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ เมื่อความเห็นครั้งแรกออกมาแล้ว ครั้งที่ 2 ต้องไม่เหมือนกัน แต่เป็นเพื่อทบทวนว่าครบถ้วน เป็นตามหลักวิชาการ กระบวนกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเราทำไปอย่างสมบูรณ์ ตามกระบวนการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส

555278

ขณะที่ "ผศ.วรวีย์ ไวยวุฒิ" รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยถึงบาดแผลที่ต้นขาขวาว่า บาดแผลดังกล่าวไม่สามารถตอบมาให้ชัดเจนได้ว่าบาดแผลที่ต้นขาขวานั้นเกิดขึ้นจากวัตถุอะไร ซึ่งพนักงานสอบสวนจะไปพิสูจน์หาบาดแผลดังกล่าวในการประกอบสำนวนคดี ขณะที่ในเรื่องการตรวจแอลกอฮอล์ที่มีข้อสงสัยว่าทำไมตรวจในคนที่ยังมีชีวิตอยู่ กลับไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ แต่พอตรวจในร่างกายของคนเสียชีวิตกลับพบแอลกอฮอล์ในเลือด 93% นั้น

อยากจะชี้แจงว่าเพราะแอลกอฮอล์นั้นถูกขับออกโดยลมหายใจ และถ้าหากเสียชีวิตไปแล้ว ผู้เสียชีวิตจะสามารถตรวจเจอแอลกอฮอล์ได้ แต่ในคนที่มีชีวิตอยู่แอลกอฮอล์จะถูกขับออกมาตามลมหายใจ ซึ่งผ่านไปหลายชั่วโมงก็จะไม่สามารถตรวจได้พบตามหลักทางการแพทย์อยู่แล้ว ขณะที่การตรวจผ้าอนามัยเพื่อหายูเรียในน้ำปัสสาวะนั้น ถ้าหากผ้าอนามัยมีการซึมซับยูเรียไว้ก็จะตรวจเจอ แต่ถ้าหากมีการแช่น้ำไว้เป็นเวลานาน ยูเรียก็จะถูกชะล้างออกไป ทำให้บางครั้งก็จะไม่สามารถตรวจเจอได้ ซึ่งค่อนข้างจะมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่ว่าตรวจไม่เจอแล้วจะฟันธงได้ว่าไม่ได้มีการฉี่ ซึ่งค่อนข้างตอบยาก

821483

ทนายเดชากิตติ วิทยานันท์ บอกว่า ตนได้รับเอกสารเป็นทางการ เป็นรายละเอียดในเรื่องการผ่าชันสูตร โดยหลังจากนี้จะกลับไปปรึกษาตำรวจดูว่าผลการผ่าชันสูตรต่าง ๆ นั้น เป็นประโยชน์ในการแจ้งข้อหาเพิ่มกับใครหรือไม่ หรือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาหรือประมาท ก็จะให้ตำรวจพิจารณาดู รวมไปถึงบาดแผล 22 บาดแผลว่าจะมีประโยชน์ในการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มหรือไม่

576600

โดยจากการที่ตัวเองได้ฟังรายงานแบบย่อ พบว่าผลการชนะสูตรพลิกศพครั้ง 2 ส่วนใหญ่ตรงกัน แต่ทั้งนี้ต้องไปดูในรายละเอียดปลีกย่อยที่สำคัญว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ยืนบันไม่น่าจะมีการผ่าชันสูตรพลิกศพถึงรอบที่ 3 หลังจากนี้ก็จะต้องกลับไปทบทวนอ่านรายละเอียดผลชันสูตร แล้วส่งต่อไปยังพนักงานสอบสวนตัว จากนั้นจะมีการดำเนินการอย่างไรก็คงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าตอนนี้ก็มีการเตรียมที่จะปิดคดีแล้ว ในวันนี้เป็นคดีประมาท แต่หากต่อไปอาจมีหลักฐานเพิ่มก็อาจมีข้อหาอื่นก็เป็นได้ อาจจะมีข้อหาประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือมาตรา 184 ทำลายพยานหลักฐานหรือแจ้งความเท็จ ส่วนจะเป็นใครนั้นตนคิดว่าคงไม่ใช่คนเดิม แต่ไม่ชี้ชัดว่าเป็นการตั้งข้อหาเหมายกลำ และกันบางคนไว้เป็นพยานก็ได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส