แม่แฉโรงเรียนดังพูดหยาม บีบลูกชายให้ออกหลังภาพว่อนหมั้นสาว 16 ครูปัดแค่ตำหนิ เห็นจิ๊จ๊ะเกินงาม อยากเรียนต่อมาคุยกัน (คลิป)

10 พ.ย. 61
จากกรณีเด็กนักเรียนของโรงเรียนธัญรัตน์หมั้นกัน หลังจากนั้น ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนไล่ออกจากโรงเรียน โดยผู้อำนวยการโรงเรียนเดินทางเข้าแจ้งความเพจเฟซบุ๊กที่มีการลงรูปภาพและข้อความของเด็กนักเรียน ซึ่งมีการบิดเบือนจากความเป็นจริง ทำให้เกิดความเสียหายทั้งเด็กและทางโรงเรียนด้วยนั้น
ภาพงานหมั้นของเยาวชนดังกล่าว
วันที่ 9 พ.ย. 61 ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่บ้าน ใน จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านของน้องนาย โดย นางสาวแน่งน้อย บุตรพึ่ง แม่ของน้องนาย เปิดเผยว่า น้องนายและน้องโม รักชอบกัน จึงมีการพูดคุยกันว่า ให้ทำพิธีให้ถูกต้อง ซึ่งตนก็ไม่อยากจับเด็ก 2 คนนี้แยกจากกัน กลัวว่าจะมีปัญหาในอนาคตตามมา ตนจึงได้จัดงานหมั้นให้วันที่ 19 ต.ค. 61 และพูดคุยกันว่า เรียนจบเมื่อไร จะจัดงานแต่งงานให้ และงานหมั้นเป็นงานที่จัดเฉพาะภายในครอบครัว ตนไม่ทราบว่ารูปงานหมั้นไปถึงผู้อำนวยการโรงเรียนได้อย่างไร
นางสาวแน่งน้อย บุตรพึ่ง แม่ของน้องนาย
นางสาวแน่งน้อย กล่าวต่อว่า ภาพเพิ่งจะหลุดไปถึง ผอ. เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพน้องผู้หญิงใส่ชุดไทย นั่งกราบอกของเด็กผู้ชาย หลังจากนั้นครูที่ปรึกษาก็เชิญผู้ปกครองของฝ่ายชาย เข้าไปพูดคุย ติงว่าเด็กทำตัวไม่เหมาะสม ตอนแรกตนได้ยินก็ตกใจ หลังจากนั้นเขาก็นำรูปภาพมาให้ เมื่อตนเห็นก็ถามกลับไปว่า เหตุใดจึงไม่เหมาะสม ในเมื่อเด็กรักกัน ตนเกรงว่าหากจับแยก อาจจะปัญหามากกว่านี้ หรือบานปลาย กว่านี้หรือไม่ และถ้าหากเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นใครจะรับผิดชอบ ซึ่งคุณครูได้ชี้แจงกลับมาว่า เรื่องดังกล่าวนี้ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองจะดูแลเด็ก และไม่ได้ฟังอะไร เพียงแต่บอกว่ากฎของโรงเรียน ถ้าทำผิดในเรื่องของชู้สาว จะมีการไล่ออก ขณะนั้น ตนก็ได้ตั้งคำถามต่อว่าไป เรื่องชู้สาวนั้น จำกัดความไหมว่ามีในโรงเรียน หรือข้างนอก ส่วนภาพที่ออกมา ตนก็คิดว่าไม่ได้มีการกอดจูบกัน ซึ่งตนก็อยากให้ลูกได้ออกจากโรงเรียนแบบดี ๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ใบจบของโรงเรียน และทำให้ไม่สามารถไปสมัครเรียนที่ใหม่ได้ จึงต้องจำใจเซ็นใบลาออกเมื่อวานนี้ (8 พ.ย. 61) ตนคิดว่าอยากจะไปร้องเรียน ผอ. เรื่องการไล่ลูกของตนออกจากโรงเรียน แต่ไม่อยากให้เป็นเรื่อง จึงไม่ทำ พร้อมบอกกับลูกชายว่า ที่โรงเรียนที่ใหม่ ถึงแม้จะไม่ใช่โรงเรียนดัง แต่ก็ขอให้ลูกขอให้อดทนเรียนให้จบ ทั้งนี้ ตนเห็นข่าวจากในเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ ซึ่งคาดว่ามีรุ่นพี่นำเรื่องราวไปแชร์ต่อ ตนก็รู้สึกตกใจ และคิดว่าทำไมถึงมีเรื่องราวแบบนี้ออกมา ส่วนในวันที่ตนเข้าไปพบ ผอ. ก็ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน แต่รอง ผอ. ได้นำภาพถ่ายมาโยนใส่ และพูดว่า "เด็ก 2 คนนี้ ทำอนาจาร" พร้อมกับทำสีหน้ารังเกียจ ตนถามกลับไปว่า "กระทรวงศึกษาธิการออกกฎใหม่มาแล้วใช่หรือไม่ ว่าท้องก็สามารถเรียนต่อไปให้จบปีได้" แต่ได้คำตอบว่า "ไม่ได้ ในเมื่อภาพมันฟ้องว่ามีผัวมีเมียแล้ว" ซึ่งตนยืนยันว่า เด็กยังไม่ได้ตั้งท้อง ส่วนกับครอบครัวของตนไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียเกี่ยวกับโรงเรียนเลย ไม่ได้หมั้นกันในชุดของเด็กนักเรียน ซึ่งเด็กทั้ง 2 คน จะเริ่มเรียนที่ใหม่ ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (12 พ.ย.)
นางณิคชาภัทร คุ้มสิน แม่ของเด็กหญิงโม
นางณิคชาภัทร คุ้มสิน แม่ของเด็กหญิงโม เปิดเผยว่า ตนเดินทางไปต่างจังหวัด ลูกสาวอ้างกับตนว่าจะไปหาน้าสาว 3 วัน เมื่อตนกลับมาบ้านไม่พบ แต่ลูกสาวไปอยู่กับน้องนาย ตนจึงได้พูดคุยกันกับครอบครัวฝ่ายชาย ให้มีการหมั้นเกิดขึ้น ซึ่งลูกสาวของตนเรียนโรงเรียนเดียวกับน้องนาย ตั้งแต่ ม.1-ม.4 เป็นเด็กเรียนดี ไม่ได้มีการเหลวไหล ได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่าตลอด ไม่เคยพบหนังสือส่งมาที่บ้านว่าเกเร หรือโดดเรียน ทั้งนี้ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่ทางโรงเรียนเรียกให้ไปคุย เพราะช่วงนั้นทำงานอยู่ต่างจังหวัด แต่แม่ฝ่ายชายโทรมาบอกกับตนว่า โรงเรียนให้เด็ก 2 คน ลาออกแทนการไล่ออก พอได้ยิน ก็โทรศัพท์ไปขอคำปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษา ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรต่อไป แต่ได้รับคำตอบว่า "แม่เดินทางมาโรงเรียน ก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เพราะน้องทำผิดเรื่องชู้สาว เป็นกฎของโรงเรียน ที่ต้องเชิญน้องออก" โดยตนไม่ได้คิดว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานเมื่อไร มีแต่คิดว่าลูกจะเรียนจบเมื่อไร เพราะเด็กก็คือเด็ก ยังไม่มีความพร้อม แต่ถ้าไปแยกเขา ก็กลัวจะมีปัญหามากกว่า และพากันไม่เรียนหนังสือ ตนยืนยันว่า ผอ. พูดว่า "พ่อแม่ทำไมไม่ดูแล คุณมาลาออกไปนะ ไม่ได้ไล่ออกนะ ให้มาลาออก" และให้ตนไปพูดกับโรงเรียนใหม่แบบนี้ ซึ่งโรงเรียนใหม่ที่จะส่งน้องไปเรียนเป็นโรงเรียนเอกชน และรับน้องเข้าเรียน ซึ่งตนจะไปจ่ายค่าเทอม และให้ลูกเข้าเรียนวันจันทร์นี้ ที่โรงเรียนเดียวกับฝ่ายชาย
นายนฤนาท ผ่องศรีนวล ผู้อำนวยการโรงเรียนธัญรัตน์
นายนฤนาท ผ่องศรีนวล ผู้อำนวยการโรงเรียนธัญรัตน์ เปิดเผยว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องเมื่อเช้านี้ ว่ามีเพจโพสต์ข้อความว่าเด็กถูกโรงเรียนไล่ออก ตนก็รู้สึกงง เพราะขั้นตอนในการดำเนินงานในเรื่องนี้ยังอยู่ที่ฝ่ายปกครอง เพื่อหาทางช่วยเหลือเด็กนักเรียน ว่าถ้าเรียนต่อที่โรงเรียนนี้จะมีความสุขหรือไม่ ซึ่งอยู่ในช่วงหาทางออก แต่เรื่องต่าง ๆ ยังไม่มาถึงตน ส่วนใบคำร้องที่ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 คน ยื่นไว้ว่าขอย้ายสถานที่เรียนไปโรงเรียนอื่น ตนเองก็เพิ่งได้รับและยังไม่ได้เซ็นอนุมัติแต่อย่างใด ตนเองไม่เคยเจอเด็กทั้ง 2 คน ไม่เคยเจอผู้ปกครอง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการพูดคุยเรื่องของการไล่ออก ซึ่งโรงเรียนมีการส่งเสริมเพื่อให้เด็กเรียนจบและเป็นคนดีของสังคม ถ้าเด็กเกิดพลาดพลั้งอะไรที่ช่วยเหลือกันได้ ก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ส่วนการไล่ออกไม่มีอยู่แล้ว ตนยืนยันได้ ตนรักเด็กทุกคนเหมือนลูก หลังจากนี้คงไม่มีการเรียกผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 มาคุย เพราะขั้นตอนมาถึงขั้นเซ็นใบคำร้องขอลาออกแล้ว แต่ถ้าเกิดผู้ปกครองเปลี่ยนใจที่จะไม่ไปโรงเรียนใหม่ ก็สามารถเข้ามาหาตนได้ ลองมาพูดคุยดู แต่ถ้าไม่มา ตนก็จะเซ็นอนุมัติให้
ครูชลธาร รวมธรรม ครูฝ่ายปกครอง
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางมาที่โรงเรียนธัญรัตน์ ใน ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดย ครูชลธาร รวมธรรม ครูฝ่ายปกครอง เผยกับว่า โรงเรียนไม่มีนโยบายไล่เด็กนักเรียนออก หากไม่มีพฤติกรรมถึงขั้นเสพยาเสพติด ทะเลาะวิวาท และเรื่องชู้สาวแบบชัดเจน แต่เด็ก 2 คนนี้ มีพฤติกรรมเข้าข่ายไม่เหมาะสม เช่น จับมือกันเดินในโรงเรียน และอยู่กันสองต่อสอง ซึ่งวัยนี้ควรจะอยู่กับเพื่อน ในฐานะครูฝ่ายปกครอง กลัวเด็กในโรงเรียนมองไม่ดี และมีพฤติกรรมเลียนแบบ
บรรยากาศภายในโรงเรียน
และรูปงานหมั้นของเด็กทั้ง 2 คนหลุดมา เพราะเด็กคนอื่นในโรงเรียนนำมาโพสต์ และหลุดไปในสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก จึงเรียกผู้ปกครองของเด็กมาพบเพื่อปรึกษา และอธิบายให้ผู้ปกครองของเด็กผู้ชายฟัง และอธิบายลักษณะของเด็ก เมื่ออยู่ในโรงเรียนมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง จะให้เด็กเปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนไหม เปลี่ยนเส้นทางไปเรียน กศน. หรือไปหาโรงเรียนที่จะอยู่ด้วยกันมั้ย ซึ่งผู้ปกครองเข้าใจในเรื่องนี้ที่ตนอธิบาย และบอกว่ารอให้ ผอ. ชี้ขาดว่าเป็นอย่างไรต่อไป และผู้ปกครองก็บอกกับตนว่าไม่รอแล้ว ฟังครูแล้วเข้าใจ และมีการเขียนใบคำร้องขอลาออกขึ้น โดยในวันนั้น ครอบครัวฝ่ายชายเซ็นก่อน เพราะแม่ของน้องผู้หญิงอยู่ต่างจังหวัด และตามมาเซ็นทีหลัง ครูชลธาร ยืนยันว่า โรงเรียนไม่เคยมีการไล่ออกในเรื่องของชู้สาว แต่กรณีนี้เป็นการที่ผู้ปกครองเด็กมาตักเตือน และครอบครัวเด็กลาออกเอง ทั้งนี้ ในเรื่องของการดูแลเด็ก ผู้ใหญ่ไม่ควรเอาความคิดของตัวเองไปตัดสินว่าเด็กจะต้องหมั้น เพราะเด็กในวัยนี้ยังคิดเองไม่ได้ และถือว่าพลาดพลั้งไปแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ