นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า จากการหารือผู้ประกอบการสมาชิกของสมาคมได้ข้อสรุปว่าจะไม่มีการจัดกิจกรรมงานเล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากภาครัฐเข้มงวดและกำหนดกฎระเบียบ รวมถึงกำหนดการปรับในการกระทำหลายเรื่องจนมีข้อจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละร้านยังเปิดปกติ การบริการยังเปิดและปิดตามเวลาที่รัฐกำหนด
“พอกฎหมายคุมเข้มที่ให้ผู้จัดการต้องแบกรับความเสี่ยง เกิดข้อจำกัด โดยเฉพาะถ้าจัดต้องรับผิดชอบ หากผู้เข้างานถอดหน้ากาก ทุกคนต้องตรวจเอทีเค และต้องเตรียมหน้ากากแจก เนื่องจากเล่นน้ำแล้วเปียก อัตราติดเชื้อยังสูง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และธุรกิจมองว่าการจัดกิจกรรมจะได้ไม่คุมเสีย
จึงได้ข้อสรุปว่าจะไม่จัดงานอย่างที่ตั้งใจไว้ แจ้งทางเขตไปแล้วว่าไม่จัด แต่ทราบว่ายังมี 1 พื้นที่ยังระบุว่าจะจัดงาน โดยผู้ประกอบการ หากเป็นแผงลอยน่าจะกลับมาขายอีกครั้ง 10% จากเดิม ร้านบริการนวดและขายของที่ระลึกกลับมาประมาณ 40-50% ร้านอาหารและเครื่องดื่มเกือบ 100% ธุรกิจโรงแรมน่าจะเปิด 50% เพราะยอดจองนักท่องเที่ยวยังต่ำแค่ 30-40% ดีกว่าก่อนหน้านี้อัตราพักต่ำกว่า 20%” นายสง่า กล่าว
คาดสงกรานต์ปีนี้ "ถนนเงินข้าวสาร" เงินสะพัด 10 ล้านบาท/วัน ต่ำกว่าอดีตเคยสูงถึง 50-80 ล้านบาท/วัน
สำหรับบรรยากาศช่วงเทศกาลสงกรานต์บนถนนข้าวสารและบริเวณใกล้เคียง น่าจะมีคนออกมาเดินเล่นและทานอาหารนอกบ้านมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ผ่อนคลายเปิดประเทศแล้ว ก็เริ่มเห็นคนต่างชาติเข้ามาและจองห้องพักตามโรงแรมในบริเวณถนนข้าวสาร ซึ่งประเมินว่าสงกรานต์ปีนี้น่าจะมีเงินสะพัดประมาณ 10 ล้านบาทต่อวัน ต่ำกว่าในอดีตมากที่เคยมีเงินสะพัดถึง 50-80 ล้านบาทต่อวัน
ทั้งนี้ตอนนี้ธุรกิจเราคงไม่มีเคลื่อนไหวอะไร จะรอความชัดเจนการประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นในเดือนกรกฎาคมนี้ และด้านสาธารณสุขกำหนด ส่วนจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นในช่วงนี้ ทราบว่าเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับการฉีควัคซีนในเข็ม 3-4 หรือคนจำนวนหนึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน อีกทั้งมีผู้ออกมาใช้ชีวิตนอกที่พักอาศัยกันมากขึ้น เริ่มรู้ว่าเมื่อรับการฉีคซีนและป้องกันเข้มงวด การติดเชื้อจะน้อยหรือหากติดเชื้อก็มีอาการไม่ได้รุนแรง ก็เชื่อว่าจากนี้การใช้ชีวิตตามปกติก็จะเริ่มกลับมาต่อเนื่อง” นายสง่า กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้าว
เงินสะพัดสงกรานต์ปีนี้ลดลงต่อ สาเหตุหลักคือ ของแพง