เพราะทรัมป์ทำให้ชาวอเมริกัน เฉลิมฉลอง Halloween ปีนี้แพงขึ้น ?
ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาล Halloween วันปล่อยผีที่คนทั่วโลกต่างเฉลิมฉลอง ทั้งการแต่งตัวคอสตูมเป็นภูตผีปีศาจ ไปงานปาร์ตี้ แกะสลักฝักทอง หรือแม้แต่การเล่น Trick or Treat ที่เด็กต้องแต่งชุดผีเผื่อไปขอขนมและลูกอมตามบ้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กิจกรรมเหล่านี้เหมือนเป็นธรรมเนียมของชาวอเมริกัน ที่ทุกๆบ้านต่างเฉลิมฉลองเพื่อความสนุกสนาน แต่ดูเหมือนว่าปีนี้พวกเขาอาจต้องน้ำตาตกใน เนื่องจากตอนนี้หลายๆครอบครัวจำเป็นต้องรัดเข็มขัดหลังเผชิญปัญหาค่าครองชีพที่แพงขึ้น
ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างเช่น ลูกอม สินค้าที่ชาวอเมริกันทุกบ้านต้องมีติดไว้เพื่อการเล่น Trick or Treat ในช่วง Halloween ตอนนี้กลับมีราคาแพงขึ้นกว่า 10.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แถมช็อกโลแลตที่เคลือบตัวลูกอมไว้กลับลดปริมาณลง นี่ยังไม่ร่วมกับราคาเครื่องประดับและชุดแฟนตาซีที่มีราคาพุ่งอย่างน่าตกใจ (เพราะนำเข้าจากจีน กว่า 85%)
และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสงครามการค้าของประธานาธิบดีของพวกเขา “โดนัลด์ ทรัมป์”? บทความนี้ SPOTLIGHT ชวนทุกคนมาหาคำตอบ
ไหนทรัมป์สัญญาว่าถ้าขึ้นตำแหน่ง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวชาวอเมริกัน แต่ทำไมของแพงขึ้น ?
สำนักข่าว CNN ได้รายงานว่า ตอนนี้ครอบครัวชาวอเมริกันหลายบ้านกำลังเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่หนักขึ้น ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคตามฤดูกาลและสินค้าจำเป็นตลอดทั้งปี โดยเดือนที่แล้ว ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบสามปี และโดยรวมแล้วเพิ่มขึ้นเกือบ 3 % นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง
แม้ว่าก่อนเลือกตั้งโดนัลด์ ทรัมป์ สัญญาว่าจะลดค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวชาวอเมริกัน แต่กลับสร้างกำแพงภาษีที่ส่งผลกระทบ จนทำให้เทศกาลแห่งความสนุกสนานและการเฉลิมฉลองกลายเป็นการต่อสู้เพื่อหาเงินมาซื้อสิ่งจำเป็นพื้นฐานแทน
โดยชาวอเมริกัน 8 ใน 10 คนกล่าวว่าโทษถึงมาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์ ที่ทำให้การเฉลิมฉลอง Halloween ในปีนี้ของพวกเขามีราคาแพงขึ้น โดยคนที่ยังอยากเฉลิมฉลองต่างแห่กันไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าลดราคาเพื่อซื้อของจำเป็นในเทศกาล โดยปัจจุบันมีผู้คนถึง 42 % ที่เลือกซื้อของเหล่านี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37 % เมื่อปีที่แล้ว
ขนมลูกอมแพงขึ้น 10.8% โลกร้อนอาจมีผลต่อการปลูกช็อกโกแลตส่วนหนึ่ง แต่ที่เหลือเพราะกำแพงภาษี
เมื่อพูดถึงเทศกาล Halloween แน่นอนว่าต้องนึกถึงลูกอมและขนม สิ่งเหล่านี้คือสินค้าจำเป็นในช่วงเทศกาล โดยชาวอเมริกัน 4 ใน 5 ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องซื้อมีติดบ้าน แต่ตอนนี้ราคาของขนมและลูกอมกลับมีราคาสูงขึ้นโดยเฉลี่ยกว่า 10.8% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเกือบ 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มิหนำซ้ำพวกเขายังพบว่าถุงขนมของพวกเขากลับมีน้ำหนักที่เบาลงและช็อกโกแลตที่เคยเคลือบเยอะ ตอนนี้กลับน้อยลงอีกด้วย
- ลูกอม Tootsie Roll ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเกือบ 34% ในฤดูกาลนี้
- แพ็คขนมหลากหลายรสชาติจากHershey’s (ผู้ผลิต KitKats, Twizzlers, Reeses และ Heath) พุ่งสูงขึ้น 22%
- แพ็คขนมหลากหลายรสชาติจากMars (ผู้ผลิต Milky Way, M&Ms, Three Musketeers และ Skittles) พุ่งสูงขึ้น 12 %
การขึ้นราคานี้เป็นผลโดยตรงจากมาตรการภาษีของทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบสำคัญที่ผู้ผลิตขนมต้องพึ่งพา เมล็ดโกโก้ประมาณ 70 % ผลิตในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก และมากกว่า1 ใน 3 ผลิตในประเทศแถบยุโรป ส่งผลให้โกโก้และผลิตภัณฑ์โกโก้ส่วนใหญ่ถูกเรียกเก็บภาษีระหว่าง 15-39%
ส่วนยักษ์ใหญ่ช็อกโกแลตอย่าง Hershey คาดการณ์ว่าจะ มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 100 ล้านดอลลาร์จากภาษีเหล่านี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นอกจากนี้บริษัทTaza Chocolate ซึ่งมีฐานอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าโกโก้จากเฮติมากกว่า 24,000 ดอลลาร์ ทำให้ผู้ผลิตช็อกโกแลตรายนี้พิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังแคนาดาและปรับขึ้นราคาขายส่งอีก 10% ซึ่งคาดว่าจะมีการขึ้นราคาอีกในอนาคตอันใกล้นี้
ชุดคอสตูมผี ชาวอเมริกันอาจต้อง DIY เอง เพราะตอนนี้ราคาพุ่งอย่าน่าตกใจ
นอกจากขนมและลูกอม อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ชุดคอสตูมผีในช่วง Halloween ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางคอสเพลย์ ของตกแต่งและชุดแต่งกาย ซึ่งกว่า 85% สิ่งเหล่านี้ผลิตจากจีน
- เครื่องพ่นหมอกราคาพุ่งจาก 58 ดอลลาร์เป็น 74 ดอลลาร์
- โครงกระดูดขนาดยักษ์ไว้ตกแต่งบ้าน ราคาพุ่งจาก399 ดอลลาร์เป็น 449 ดอลลาร์
จากราคาที่ถูกปรับขึ้นอย่างน่าตกใจส่งผลต่อร้านค้าขนาดเล็กที่ตอนนี้ พบว่ายอดขายลดลงแล้วกว่า 32% ในเดือนสิงหาคม และเกือบ 8% ในเดือนกันยายนและครึ่งแรกของเดือนตุลาคม เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ผู้ค้าปลีกอย่างวอลมาร์ทและทาร์เก็ต (เหมือน Big C, Lotus) ซึ่งชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่ซื้อของสำหรับวันฮาโลวีน กำลังส่งสัญญาณว่าตอนนี้ทรัมป์กำลังทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น ไบรอัน คอร์เนลล์ ซีอีโอของทาร์เก็ตกล่าวถึงสภาพแวดล้อมของภาษีศุลกากรว่า “ท้าทายและมีความไม่แน่นอนสูง” ขณะที่ดั๊ก แมคมิลลอน ซีอีโอของวอลมาร์ทเตือนว่า “ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์เป็นผลมาจากภาษีศุลกากร”
ขณะที่บริษัทต่างๆ พยายามรักษาอัตรากำไร ครอบครัวต่างๆ จะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากนโยบายการค้าของทรัมป์ โดยต้องแบกรับต้นทุน ภาษีศุลกากร มากกว่า 50 % ภายในสิ้นปีนี้
ฝันร้ายที่ตามหลอกชาวอเมริกันเเม้จบเทศกาลปล่อยผี
อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นฝันร้ายของชาวอเมริกันแม้ช่วงเทศกาลปล่อยผีได้จบลง แต่ไม่ได้แปลว่าสินค้าอุปโภคบริโภคของพวกเขาจะมีราคาที่ดีขึ้น ส่งผลให้ตอนนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวอเมริกันลดลง สู่ระดับต่ำสุดเป็น อันดับ7นับตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติในปี 1952 ซึ่งต่ำกว่าช่วงเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ตอนนี้ราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อทุกครอบครัว
ขณะเดียวกันก็ยากที่จะรักษาหรือรักษาเงินเดือนให้คงที่ โดยอัตราการเติบโตของค่าจ้างแรงงานในกลุ่มแรงงานระดับล่างสุดลดลง อัตราการว่างงานกำลังสูงขึ้น ด้าน Goldman Sachs ระบุว่าความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานได้ร่วงลงสู่ระดับปี 2015 ครอบครัวจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังติดอยู่ในวงจรหนี้สิน โดยผู้บริโภคเกือบ 6 ใน 10 คนพึ่งพาบัตรเครดิต และ1 ใน 4 คนใช้สินเชื่อซื้อก่อน จ่ายทีหลัง สำหรับการซื้อของในช่วงเทศกาลวันหยุด
และในขณะที่ประธานาธิบดียังคงทำสงครามการค้าที่วุ่นวาย ยกเลิกการลงทุนภาครัฐ และตัดโครงการสำคัญๆ อย่างเช่น ประกันสังคมด้านสุขภาพและความช่วยเหลือด้านอาหาร ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะบรรเทาปัญหาให้กับครอบครัว จนกว่าทรัมป์จะเปลี่ยนนโยบาย ครอบครัวชาวอเมริกันก็คงยังต้องอยู่กับฝันร้ายต่อไป
อ้างอิง : CNN , The Century Foundation
