Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ล้างแอร์ทำได้อย่างไรบ้าง? แก้ปัญหาแอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับชื้น

ล้างแอร์ทำได้อย่างไรบ้าง? แก้ปัญหาแอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับชื้น

7 ต.ค. 68
16:32 น.
แชร์

ล้างแอร์ดีอย่างไร ใช้บริการที่ไหนดี? หมดกังวลแอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับ!

แอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับ หรือทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ เป็นปัญหาที่หลายบ้านอาจพบเจอได้ โดยสาเหตุหลักมักมาจากการสะสมของฝุ่น เชื้อรา และสิ่งสกปรกภายในเครื่อง ซึ่งไม่เพียงทำให้ความเย็นลดลง แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพและค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้น การล้างแอร์จึงเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์และสร้างบรรยากาศภายในห้องให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง

การล้างแอร์บ้านแนะนำว่าควรจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพราะช่างที่มีประสบการณ์จะสามารถถอดส่วนประกอบแอร์และทำความสะอาดชิ้นส่วนภายในได้อย่างถูกวิธี แต่จะเลือกใช้บริการล้างแอร์คอนโดหรือบ้านที่ไหนดี บทความนี้มีคำตอบให้คุณ!

ประโยชน์ของการล้างแอร์มีอะไรบ้าง?

สำหรับใครที่ยังไม่เคยล้างแอร์ภายในบ้านมาก่อนก็อาจจะสงสัยว่าทำไมต้องล้างแอร์? ปัญหาล้างแอร์แล้วไม่เย็นเกิดขึ้นได้จริงไหม? การล้างแอร์อย่างถูกวิธีไม่เพียงแค่ช่วยให้แอร์เย็นขึ้นเท่านั้นแต่ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1.ป้องกันอุปกรณ์แอร์ภายในเสียหาย หากแอร์สะอาดและทำงานได้ตามปกติ ยิ่งช่วยลดโอกาสการชำรุดของอุปกรณ์ภายใน และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่อาจเสียไปกับการซ่อมครั้งใหญ่หากเจอปัญหาแอร์เสียภายหลัง

2.เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพัดลมแอร์ การล้างแอร์จะช่วยทำให้แอร์เย็นเร็วและกระจายความเย็นได้สม่ำเสมอ

3.ประหยัดค่าไฟ เมื่อฝุ่นเกาะสะสมที่แผงคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน จะยิ่งทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักขึ้น การล้างแอร์จึงช่วยให้เครื่องไม่ต้องเร่งทำงานบ่อย ทำให้กินไฟน้อยลง

4.ป้องกันเชื้อโรค การล้างแอร์ช่วยกำจัดฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรียที่สะสมในระบบกรองอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภูมิแพ้และปัญหาทางเดินหายใจ อีกทั้งยังทำให้ได้อากาศที่สะอาดปราศจากกลิ่นอับ

5.ยืดอายุการใช้งานของแอร์ การล้างแอร์จะช่วยให้ระบบแอร์ทำงานได้อย่างเต็มที่ และช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น

แนะนำ 5 ขั้นตอนการล้างแอร์ที่บ้านอย่างถูกวิธี

การล้างแอร์อย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและทำให้อากาศภายในบ้านสะอาด สดชื่นอยู่เสมอ ต่อไปนี้คือ 5 ขั้นตอนการล้างแอร์ มาทำความเข้าใจแต่ละข้อไปพร้อม ๆ กัน

1. ขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากแอร์

เริ่มต้นด้วยการปัดฝุ่นและคราบสิ่งสกปรกที่ฝังเกาะตามตัวเครื่องแอร์และช่องลมภายนอก ด้วยเครื่องดูดฝุ่นหรือแปรงขนนุ่ม เพื่อป้องกันให้ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจายทั่วห้องและลดการสะสมของสิ่งสกปรกก่อนไปสู่ขั้นตอนการล้างแอร์และชิ้นส่วนอื่น ๆ ภายใน

2. ถอดแผ่นกรองอากาศเพื่อทำความสะอาด

แผ่นกรองอากาศนับเป็นจุดที่มีฝุ่นและสิ่งสกปรกสะสมมากที่สุด โดยควรถอดออกมาล้างด้วยน้ำสะอาดหรือสบู่อ่อนๆ แช่อย่างน้อย 10-15 นาที แนะนำว่าไม่ควรใช้แปรงสีฟันขัดเพราะอาจทำให้แผ่นกรองเสียหายได้ จากนั้นนำมาผึ่งให้แห้งสนิทก่อนนำมาประกอบใส่แอร์อีกครั้ง

3. เช็ดทำความสะอาดคอยล์เย็น

ขั้นตอนการล้างแอร์ถัดไปคือ การเช็ดทำความสะอาดคอยล์เย็น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบทำความเย็น แนะนำให้ใช้สบู่ผสมน้ำอ่อน ๆ หรือน้ำยาทำความสะอาดแบบเจือจางพรมฉีดไปที่ขดลวด จากนั้นค่อยเช็ดทำความสะอาดออกด้วยผ้า

4. ล้างท่อระบายน้ำแอร์

ท่อระบายน้ำมักอุดตันจากฝุ่นหรือคราบสกปรกที่สะสม การล้างท่อระบายน้ำแอร์จึงช่วยป้องกันปัญหาน้ำหยด น้ำรั่ว และกลิ่นอับภายในห้องได้ ทำให้การทำงานของระบบแอร์สมบูรณ์และสะอาดมากขึ้น

5. ตรวจสอบและทดสอบการทำงานแอร์

หลังจากประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ กลับเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบระบบการทำงานของแอร์อีกครั้งหนึ่ง โดยตรวจสอบทั้งความเย็น เสียง และกลิ่น พร้อมทั้งเปิดแอร์ในโหมดพัดลมหรือโหมดทำความเย็น ทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาที เพื่อทดสอบการทำงานและไล่ความชื้น

ข้อควรรู้สำคัญเกี่ยวกับการล้างแอร์มีอะไรบ้าง?

นอกจากเรียนรู้ขั้นตอนการล้างแอร์แล้วยังมีข้อควรรู้สำคัญอื่น ๆ เกี่ยวกับการล้างแอร์ที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็น

• ความถี่ในการล้างแอร์ : แนะนำให้ล้างแอร์ทุก 3-6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อม เช่น หากบ้านฝุ่นเยอะหรือมีสัตว์เลี้ยงควรล้างแอร์บ่อยขึ้น

• การตั้งอุณหภูมิหลังล้างแอร์ : หลังล้างและเปิดใช้งานใหม่ ควรตั้งอุณหภูมิประมาณ 24–26 องศาเซลเซียส เพื่อให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

• ตรวจเช็กส่วนประกอบสำคัญ : หลังล้างแอร์ทุกครั้ง ควรตรวจสอบแผ่นกรอง, พัดลม, ท่อระบายน้ำ และคอยล์ว่าติดตั้งประกอบอย่างถูกต้อง

• เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะ : แนะนำให้เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดแอร์โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันชิ้นส่วนของแอร์เสียหาย

• เลือกผู้ให้บริการล้างแอร์ที่น่าเชื่อถือ : ปัจจุบันมีผู้ให้บริการล้างแอร์มากมายเพื่อความสะดวก แต่แนะนำให้เลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์และมีรายละเอียดค่าบริการล้างแอร์ในราคาที่สมเหตุสมผล

บริการล้างแอร์กับ “Q-CHANG” ใส่ใจทุกรายละเอียดจากทีมช่างแอร์มืออาชีพ!

สรุปแล้วการล้างแอร์เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อให้แอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น ลดปัญหาการเกิดกลิ่นอับ ฝุ่น และเชื้อรา พร้อมทั้งช่วยประหยัดไฟอีกด้วย โดยแนะนำว่าควรทำอย่างสม่ำเสมอทุก 3-6 เดือน

อย่างไรก็ตาม การล้างแอร์ให้สะอาดอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน การเลือกใช้บริการจาก ทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นทางเลือกที่มั่นใจได้ว่าแอร์ของคุณจะได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีและปลอดภัย โดยเฉพาะบริการจาก “คิวช่าง (Q-CHANG)” ที่รับประกันงานล้างแอร์คุณภาพโดยทีมงานมืออาชีพ ต้องการรีบล้างแอร์ด่วน ก็จองได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้ 24 ชั่วโมง ใส่ใจทุกขั้นตอนและความสะอาด พร้อมให้บริการล้างคอยล์เย็นและล้างคอยล์ร้อนแอร์ ติดต่อเลยที่คิวช่าง!

• เว็บไซต์ : www.q-chang.com

• LINE Official : @q-chang

• Facebook : Q-CHANG คิวช่าง

Advertisement

แชร์
ล้างแอร์ทำได้อย่างไรบ้าง? แก้ปัญหาแอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับชื้น