กระบี่มือหนึ่งแห่งวงการเวดดิ้ง โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี นักบันทึกความทรงจำ ที่เล่าเรื่องราวของคู่บ่าวสาวได้อย่างลึกซึ้ง และ ทรงพลัง ด้วยกล้องไฮบริดความละเอียดสูง ซึ่งเกิดมาคู่กับงานสร้างสรรค์อย่างแท้จริง
“ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “โอ๊ต” เป็นช่างภาพชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ติดอันดับ TOP 100 จาก Wedding Photojournalist Association (WPJA) ติดต่อกันหลายปี ด้วยการถ่ายภาพแต่งงานที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ กับสไตล์การเล่าเรื่อง ไม่กำกับท่าทาง เน้นการบันทึกเรื่องราว และอารมณ์จริงของคู่บ่าวสาวในวันสำคัญ ตอบโจทย์คู่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบภาพถ่ายที่เป็นธรรมชาติ ภาพที่เต็มไปด้วยอารมรืและความรู้สึก เสมือนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญนั้น
โดย คุณโอ๊ต-ชัยสิทธิ์ เล่าว่า “ช่วงที่ผมได้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ผมได้ประสบการณ์เยอะมาก รวมถึงสไตล์การถ่ายภาพที่เปลี่ยนไป จากคำแนะนำของโพรเฟสเซอร์ นอกจากนี้ผมยังได้ พยายามที่จะหาประสบการณ์ใหม่ก่อนกลับประเทศไทย จึงได้ส่งอีเมลสมัครงานไปเยอะมาก ในที่สุดหลังจาก 8 เดือน ผมได้รับอีเมลจ้างให้เป็นผู้ช่วยช่างภาพเวดดิ้งชื่อ “จูลี่ คิม” ซึ่งเป็นช่างภาพเวดดิ้งระดับ Top5 ของประเทศอังกฤษ โดยหลังจากที่ใกล้จบงานเขาให้ผมลองถ่ายภาพเวดดิ้งดู ซึ่งผมทำด้วยความตั้งใจแบบที่สุดในชีวิต”
“โดยหลังจากงานครั้งนั้น 1 สัปดาห์ผมได้ติดต่อไปถามฟีดแบ็ค แต่กลายเป็นว่าเขาให้ผมไปร่วมงานกับเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ในฐานะผู้ช่วยแต่เป็นช่างภาพร่วม หลังจากนั้นชีวิตก็เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่แค่บอสแต่เขาเป็นครูที่สอนผมหลายอย่าง จากที่แค่ถ่ายได้กลับกลายเป็นถ่ายได้ดี เล่าเรื่องได้เป็นงานดีๆ จนถึงทุกวันนี้ผมเป็น Associate Photographer ช่างภาพในทีมของเขา จนถึงตอนนี้ก็ยังบินไปถ่ายภาพเวดดิ้งที่ต่างประเทศร่วมกัน”
นักเล่าเรื่องด้วยภาพ
“ผมขอยกตัวอย่างการถ่ายภาพงานแต่งงานในประเทศไทย ช่างภาพจะเป็นคนกำกับให้เจ้าบ่าว-เจ้าสาวทำท่าทางต่างๆ ซึ่งรูปที่ออกมาจะเป็นแบบแพทเทิร์น เพราะการถ่ายแบบนี้เป็นการการันตีว่าจะได้รูปแน่นอน แต่สำหรับผมอยากจะชาเลนจ์ตัวเองและอยากพรีเซนต์มุมมองใหม่ๆ เน้นการถ่ายแบบสารคดี ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น แล้วค่อยๆ เล่าเรื่อราวจากไปจนจบงาน ไม่เซต ไม่กำกับ ถ้าคุณจ้างผม คุณลืมไปเลยว่ามีผม คุณแค่สนุกไปกับงาน ส่วนเรื่องภาพนั้น เดี๋ยวผมถ่ายเอง เป็นงานอีกแบบหนึ่งที่ใช้ภาพเล่าเรื่องจริงๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนหรืออุปกรณ์ก็ต้องแสดงความสามารถออกมาให้มากที่สุด เพราะเราไม่สามารถถ่ายซ่อมได้ แต่ละวินาทีที่เกิดขึ้น มีโมเม้นต์สำคัญ เรื่องราวพิเศษที่เราไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้เลย”
พัฒนาศักยภาพทุกด้านเพื่อเป้าหมายระดับโลก
“พอวิธีการทำงานคนละแบบ สิ่งที่ยากคือกล้องมันต้องถ่ายทอดความคิดของผมได้แบบ 100% ต้องเร็วเท่าความคิดของผม เปรียบเสมือนอีกหนึ่งอวัยวะในร่างกายของผมเลย”
“ผมเข้าร่วมการประกวดที่เป็นของช่างภาพเวดดิ้งทั่วทั้งโลกมาตั้งแต่ปี 2012 เพราะเราอยากจะประสบความสำเร็จให้ถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ ซึ่งการที่เราจะไปถึงจุดนั้นเราต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเราเองมากๆ ผมฝึกฝนการถ่ายรูป ฝึกโฟกัสมาเยอะมาก มีภาพในหัวที่ชัดเจน แต่พอถึงจุดหนึ่งมันไปไม่ได้ด้วยข้อจำกัดความสามารถของกล้อง สมัยก่อนที่เป็นกล้อง DSLR สิ่งที่มักจะเกิดปัญหาคือกล้องวืดบ่อย เนื่องจากเลนส์กระจกทำให้โฟกัสไม่ดีเท่าที่ควร”
“จนมาเป็นกล้องไฮบริด “Canon EOS R5 Mark II” ที่ถูกพัฒนาให้มีความละเอียดเซ็นเซอร์ภาพอยู่ที่ 45 ล้านพิกเซล ทั้งยังตอบโจทย์การถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยฟีเจอร์ สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงได้สูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ Pre-Continuous Shooting ถ่ายภาพต่อเนื่องล่วงหน้า 0.5 วินาที ซึ่งมีประโยชน์ ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้ผมไม่พลาดในโมเม้นต์สำคัญ ปลดล็อกศักยภาพในการทำงานจากที่เราถูกลิมิตด้วยอุปกรณ์ ตอนนี้ภาพบางภาพที่คิดว่าถ่ายไม่ได้กลับกลายเป็นถ่ายได้”
EOS R5 Mark II: Register People Priority (ระบบออโต้โฟกัสจดจำใบหน้าเฉพาะบุคคล)
EOS R5 Mark II: High Resolution 45 MP (ความละเอียด 45 พิกเซล)
EOS R5 Mark II: Continue shooting การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 30 FPS
EOS R5 Mark II: Register People Priority (ระบบออโต้โฟกัสจดจำใบหน้าเฉพาะบุคคล บางช่วงเวลาที่เจ้าสาวต้องหันหน้าไปทางด้านข้าง กล้องก็ยังตามโฟกัสที่หน้าเจ้าสาวได้)
EOS R5 Mark II: Dual Pixel Intelligence AF (ระบบโฟกัสอัตโนมัติ ช่วยในการโฟกัสและติดตามคู่บ่าวสาวได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหลในระหว่างการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม)
การลงทุนกับโอกาส
“กล้องสำหรับผมวันนี้มันไม่ใช่ถ่ายรูปเล่นแต่มันกลายเป็นธุรกิจให้กับผม ดังนั้นหากจะเลือกลงทุนก็ต้องดู ฟังก์ชั่น ฟีเจอร์ สำหรับการถ่ายเวดดิ้งกล้องไฮบริด “EOS R5 Mark II” ตอบโจทย์ในเรื่องของ ขนาดที่กะทัดรัดในประสิทธิภาพที่ครบครัน นั่นทำให้การลงทุนกับ EOS R5 Mark II เป็นเรื่องที่คุ้มค่าสำหรับผม”
“อีกอย่างผมมีมุมมองว่า คนเราไม่สามารถซื้อเวลากลับมาได้ เช่นเดียวกับโมเม้นต์ดีๆ เราไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้นการลงทุนกับกล้องที่คุ้มค่า เหมือนเป็นการลงทุนกับโอกาสที่มากขึ้น เมื่อมีกล้องที่ยอดเยี่ยมซึ่งอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ ผมจึงเอาพลังงานไปโฟกัสกับการเก็บโมเม้นต์น่ารักๆ ได้มากขึ้น”
อันดับโลกคือความภูมิใจ แต่ความสุขคือการได้ถ่ายทอดเรื่องราว
“การทำงานในต่างประเทศสำหรับผมไม่ได้ราบรื่นเลย ผมเคยโดนบาทหลวงไล่ออกจากโบสถ์เพราะคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแอบถ่ายรูปช่วงพิธีแต่งงาน บางครั้งพวกเขาปฏิเสธที่จะให้คนหัวดำมาถ่ายรูป แต่สุดท้ายผลงานจากความทุ่มเทของผมได้รับการยอมรับ เป็นความภาคภูมิใจในชีวิตของผม”
“แต่กลับกัน ในตอนนี้ ผมไม่ได้ถวิลหาชื่อเสียงเหมือนอย่างแต่ก่อน เพราะมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป ผมไม่ได้มองการถ่ายภาพเพียงแค่การบันทึกภาพ แต่เป็นการเล่าเรื่อง การถ่ายทอด อารมณ์ และ ความรู้สึก เพราะภาพถ่ายที่ดีต้องสามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างชัดเจน ซึ่งกล้องไฮบริด “EOS R5 Mark II” สามารถยกระดับผลงาน ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของตัวแบบ ออกมาได้อย่างมีความหมายมากกว่าเดิม นั่นทำให้เจ้าบ่าว-เจ้าสาว หลายคู่มอบวันพิเศษของพวกเขา ให้ผมเป็นคนถ่ายทอดช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิต”
Advertisement