ฝันร้ายในวัยเด็ก สู่ฝันที่เป็นจริง พาไปรู้จัก "เอเบเรชี่ เอเซ่" บรรลุข้อตกลงย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล
หลังจาก "เอเบเรชี่ เอเซ่" แนวรุกจาก คริสตัล พาเลซ มีกระย้ายทีมอย่างต่อเนื่อง โดยมี สเปอร์ส ที่ตกเป็นข่าวมากที่สุดกับการเจรจาคว้าตัวร่วมทีม แต่กลายเป็นท้ายที่สุดหลายสื่อการันตีการย้าย เอซี่ บรรลุข้อตกลง อาร์เซน่อล ซึ่งเป็นการกลับมายังสโมสรในช่วงเยาวชน ปืนใหญ่ อีกครั้ง
โดยวันนี้ อมรินทร์ออนไลน์ จะพาไปรู้จัก "เอเบเรชี่ เอเซ่" ว่าที่แข้งใหม่ อาร์เซน่อล และเส้นทางค้าแข้งที่ผ่านมา
ประวัติ เอเบเรชี่ เอเซ่
"เอเบเรชี่ เอเซ่" เกิดเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ปี 1998 หรือปัจจุบันอายุ 27 ปี โดยเขาเติบโตมาจากพ่อแม่เชื่อสายไนจีเรีย ในกรุงลอนดอนท่ามกลางที่ที่เต็มไปด้วยการก่ออาชญากรรม โดยเขามักใช้เวลาหลังเลิกเรียนเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ในสนามลูกกรง ซึ่งเป็นกีฬาที่เขาชอบ จากสิ่งที่เขาชอบ มักทำได้ดีทำให้ เอเซ่ สามารถไปต่อได้ เขามีโอกาสได้เขาฝึกฟุตบอลอย่างเต็มเต็มร่วมในอะคาเดมีของ อาณืเซน่อล เมื่อปี 2006 ตอนเขาอายุได้ 8 ขวบ
แต่จุดเริ่มต้นของเขากับศูนย์ฝึกเยาวชนของ อาร์เซน่อล ไม่ดีนัก เนื่องจากตอนนั้นเขามีรูปร่างที่เล็ก จนทำให้ไม่สามารถสร้างสิ่งที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นได้ จนเมื่อปี 2011 เอเซ่ ถูกปล่อยออกจากสโมสร ซึ่งในตอนนั้นเข้ากล่าวว่า
"การถูกปฏิเสธมันทำให้ผมเจ็บปวดมาก มันไม่ง่ายเลยกับการต้องแบกรับตัวเองในฐานะนักเตะของอาร์เซนอล แต่ด้วยความเชื่อในพระเจ้าบวกกับครอบครัวที่ยังซัพพอร์ตผมอยู่ตลอด มันทำให้ผมยังมีความมั่นใจและสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้"
เวลาต่อมาเขายังได้เข้าฝึกกับสโมสรทั้ง ฟูแล่ม , เรดดิ้ง และ มิลล์วอลล์ แต่ก็ไม่ง่ายเช่นเคย เมื่อปี 2016 มิลล์วอลล์ ปฏิเสธการเซ็นสัญญาอาชีพให้กับตัวเขา
จุดพลิกผันสู่แข้งอาชีพ
"เอเบเรชี่ เอเซ่" ได้รับการติดต่อจาก ทัพทหารเสือราชินี ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ซึ่งเวลานั้นคุมทีมโดย คริส แรมซีย์ เซ็นสัญญาฉบับบแรกในอาชีพของเจ้าตัวเมื่อปี 2016 มีโอกาสได้เริ่มจากชุดเยาวชนของสโมสร ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมาจะถูกปล่อยยืมตัวไปยัง คอมบ์ วันเดอเรอส์ จนทำลงานลงสนาม 22 นัดทำ 5 ประตู จน ควีนส์ปาร์ค ดึงกลับมาช่วยทีมในช่วงกลางฤดูกาล ก่อนใช้เวลาที่ถิ่น ลอฟตัส โรด ด้วยผลงานถึงปี 2020 ลงสนามทั้งหมด 112 ทำ 20 ประตู 12 แอสซิสต์ ก่อนจะย้ายไป คริสตัล พาเลซ
สู่ลีกสูงสุด
เอเซ่ กับทัพปราสาทเรือนแก้ว ภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮอดจ์สัน ในช่วงแรกค่อย ๆ ได้รับโอกาสลงสนามเรื่อย ๆ ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ตัวจริงของ คริสตัล พาเลซ สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งเบอร์ 10 สร้างสรรค์เกม และ เกมรุกทางฝั่งซ้าย ทำผลงานฤดูกาลแรก 4 ประตู 6 แอสซิสต์ พาทีมจบอันดับ 14 ของตาราง
แต่เมื่อฤดูกาลถัดมา 2021-22 จากปัญหาอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายอย่างรุนแรง พร้อมกับ การเปลี่ยนแปลงของสโมสร แต่งตั้ง ปาทริค วิเอร่า ขึ้นแทน รอย ฮอดจ์สัน มีผลต่อฟอร์มของเขา ลงสนามไปเพียง 13 นัด ทำ 1 ประตู 1 แอสซิสต์
แจ้งเกิดเต็มตัว
ฤดูกาล 2022-23 เอเซ่ ได้รับโอกาสจาก ปาทริค วิเอร่า มากขึ้นหลังจาก คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ย้ายกลับไปยังเชลซี แต่ก็ยังไม่ถึงกลับดีมาก โดยรวมของทีมไม่สามารถชนะใคร 11 นัดติดต่อกัน วิเอร่า ต้องแยกทางกับสโมสร และกลับไปดึง รอย ฮอดจ์สัน กลับมาคุมทีมอีกครั้ง ช่วงเกือบจะปลายฤดูกาล 2023 และทำให้ เอเซ่ มีอิสระมากขึ้น เขาทำผลงานต่อเนื่องจน ฤดูกาล 2023-24 ผลงาน ลงสนาม 27 นัด ทำ 11 ประตู 4 แอสซิสต์
ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงช่วงกลางซีซั่น ฤดูกาล 2024-25 รอย ฮอดจ์สัน แยกทางอีกครั้ง แต่งตั้ง โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ขึ้นคุมทีม และมีส่วนช่วยให้ ปราสาทเรือแก้ว คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งผลงานทั้งฤดูกาลของ เอเซ่ ลงสนาม 43 นัด ทำ 14 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ และส่งท้ายด้วยการคว้าแชมป์ คอมมูนิตี้ชิลด์ กับสโมสรเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ผลงานกับทีมชาติอังกฤษ
"เอเบเรชี่ เอเซ่" ถูกเรียกติดธงทีมชาติ ในยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร2024 และประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองกับ มอลตา จากนั้นก็มีผลงานแต่ยังไม่ถึงกับตัวจริงทุกครั้ง โดยลงเล่นไป 12 นัด ทำ 1 ประตู และคาดว่าจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่เตรียมทีมสู่ ฟุตบอลโลก2026
Advertisement