
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่าการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากองพลที่ 22 กับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) กองพลที่ 6 ที่บ้านมินลาป่าน อ.เมียวดี ตรงข้ามบ้านห้วยมหาวงศ์ และบ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน และบริเวณทางใต้พื้นที่เคเคปาร์ค บ้านเอ่งจีเหมี่ยง อ.เมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยงตรงข้ามบ้านแม่กุหลวง หมู่ที่ 1 ตำบลแม่กุ อ.แม่สอด จังหวัดตาก ยังคงมีการสู้รบอย่างหนัก โดยทั้ง 2 ฝ่ายใช้อาวุธหนักและอาวุธประจำกายยิงใส่กัน ทั้งนี้เป็นความพยายามของทหารเมียนมาที่จะยึดที่มั่นคืนจากฝ่ายกะเหรี่ยงให้ได้
ซึ่งฝ่ายเคเอ็นยูได้ครอบครองที่มั่นสำคัญไว้ 3 แห่ง ตั้งแต่แนวต่อตรงข้ามบ้านแม่กุหลวงลงไปจนถึงบ้านแม่โกนเกน นอกจากนี้เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 ธันวาคม 2568 กองทัพเมียนมาได้ส่งเครื่องบิน YAX-130 ไปทิ้งระเบิดใส่ทหารกะเหรี่ยงจำนวนหลายรอบเสียงระเบิดดังไปทั่วตำบลแม่กุตำบลมหาวันตำบลแม่ตาวและตำบลแม่สอด
ล่าสุดการสู้รบดังกล่าวมีบ้านเรือนประชาชนถูกกระสุนปืนกลจากฝั่งเมียนมาข้ามมาฝั่งไทยถูกบ้านเรือนราษฎรไทยได้รับความเสียหายเล็กน้อย 4 หลัง เป็นรูกระสุน ตามกำแพงและตัวบ้าน ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 คนเป็นผู้สูงอายุ คือนางหล้าปิน ทิพย์จันตา อายุ 68 ปี พื้นที่หมู่ 1 ตำบลแม่กุ
โดยนายเกษม กันดา ผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วย ชรบ.ตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อยตชด.ที่ 346 อ.แม่สอด และทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด ไปตรวจสอบความเสียหาย โดยกระสุนปืนดังกล่าวมาจากการปะทะกันระหว่างฝ่ายทหารกะเหรี่ยงกับฝ่ายทหารเมียนมา ทำให้มีลูกหลงเข้ามา ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวัง โดยเฉพาะบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ใกล้ชายแดนไทยเมียนมา
นางหล้าปิน กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุกำลังนอนดูทีวีในห้องนอน แต่เมื่อได้ยินเสียงปืนจึงย้ายจุดที่นอน แต่ก็โดนกระสุนปืนที่ต้นขาขณะนอนหลับไปแล้ว และเกิดอาการเจ็บแสบ จึงร้องให้คนช่วย ถ้าหากไม่ย้ายจุดกระสุนปืนถูกศีรษะแน่นอน ตั้งแต่อยู่ในหมู่บ้านนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
ด้านทหารไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนูกองกำลังนเรศวร ยังคงเฝ้าระวังตามแนวชายแดนดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชน และป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยในพื้นที่ชายแดน
Advertisement