"คณานุรักษ์" ตำนานตระกูลขุนนางจีนผู้สร้างปัตตานี รากฐานแห่งพหุวัฒนธรรม และต้นตระกูลผู้สร้างพระเครื่องอันเลื่องลือ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
ตระกูลคณานุรักษ์ ไม่ได้เป็นเพียงตระกูลขุนนาง แต่คือรากฐานทางเศรษฐกิจ ศาสนา และวัฒนธรรมที่หยั่งลึกในจังหวัดปัตตานี เรื่องราวของพวกเขาเป็นตัวอย่างอันชัดเจนของชาวจีนโพ้นทะเลที่เข้ามาสร้างคุณูปการแก่แผ่นดินสยาม จนกลายเป็นเสาหลักแห่งชุมชนพหุวัฒนธรรมชายแดนใต้
จุดเริ่มต้นของตระกูลคณานุรักษ์มาจาก นายปุ้ย แซ่ตัน ซึ่งต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็น หลวงสำเร็จกิจกรจางวาง ท่านเป็นชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพเข้ามาในสมัย รัชกาลที่ 3 โดยเริ่มแรกตั้งถิ่นฐานและค้าขายที่สงขลา
คุณูปการที่ทำให้ท่านได้รับความไว้วางใจจากราชสำนักคือ การรวบรวมสมัครพรรคพวกอาสาเจ้าเมืองสงขลาปราบกบฏเมืองไทรบุรีในปี พ.ศ. 2381 หลังจากความสำเร็จครั้งนั้น ท่านจึงได้รับตำแหน่ง “หลวงสำเร็จกิจกรจางวาง” และย้ายมาประจำการที่ปัตตานี ทำหน้าที่เป็น ผู้เก็บภาษีอากร ในมณฑลปัตตานี (ครอบคลุมปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) และเป็นผู้ได้รับสัมปทานเหมืองแร่ดีบุกในพื้นที่ยะลา ซึ่งสร้างความมั่งคั่งและสร้างความมั่นคงให้แก่พื้นที่เป็นอย่างมาก
หลวงสำเร็จกิจกรจางวาง ได้รับพระราชทานที่ดินบริเวณที่ปัจจุบันคือ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่กลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่เรียกว่า ตลาดจีน หรือ ตลาดกือดาจีนอ ด้วยความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ท่านจึงเป็นที่รักของทั้งคนไทย จีน มุสลิม รวมทั้งเจ้าเมืองปัตตานีที่สนิทสนมเป็นเพื่อนกัน หลวงสำเร็จกิจกรจางวางทำประโยชน์ให้บ้านเมืองหลายประการ ก่อนจะถึงแก่กรรมเมื่อายุ 73 ปี
ทายาทคนสำคัญที่สานต่อกิจการและความดีความชอบคือ นายจูไล ตันธนาวัฒน์ บุตรชายคนที่ 2 ซึ่งต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็น หลวงจีนคณานุรักษ์ (และต่อมาเป็น พระจีนคณานุรักษ์)
บทบาทของท่านในฐานะผู้นำชาวจีน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า กัปตัลจีน โดดเด่นอย่างมากเนื่องด้วยทำกิจการการค้าต่างๆ และยังครอบครองเรือสำเภาหลายลำ ครั้นในช่วงรัชกาลที่ 5 เมื่อพระองค์เสด็จประพาสมณฑลปัตตานี นายจูไลได้เป็นผู้เตรียมการรับเสด็จ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงเห็นความทรุดโทรมของวัดสำคัญ จึงพระราชทานทรัพย์และมอบหมายให้หนายจูไลเป็น แม่กอง คุมงานบูรณะวัดสำคัญของปัตตานี ได้แก่ วัดตานีนรสโมสร (วัดกลาง) และ วัดมุจลินทวาปีวิหาร (วัดตุยง) รวมถึงพัฒนา วัดนิกรชนาราม ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็น หลวงจีนคณานุรักษ์
นอกจากนี้ หลวงจีนคณานุรักษ์ได้บูรณะศาลเจ้าจากขนาดเล็กให้เป็นขนาดใหญ่ และเป็นผู้เชิญ องค์พระจอซูกง (องค์ดำ/พระหมอ) ต่อมาหลวงจีนคณานุรักษ์ได้อัญเชิญ องค์สลักเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จากกรือแซะมาอยู่ที่ศาลเจ้า ด้วย ครั้งเมื่อหลวงจีนไม่สบายได้บนว่าหากหายจะเชิญองค์เจ้าแม่มาอยู่ที่ศาลเจ้าด้วย ปัจจุบันศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมีผู้คนมากมายต่างเคารพศรัทธา มาบนบานขอให้สมหวังในเรื่องที่ต้องการ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและศูนย์รวมศรัทธาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดปัตตานี
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีประกาศพระราชบัญญัตินามสกุล ซึ่งตรงกับสมัยรัฐนิยมของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งมีการเรียกร้องให้มีความเป็นชาตินิยม ชื่อ และนามสกุล ต้องไม่บอกถึงความเป็นชนชาติอื่น นายอนันต์ จึงเปลี่ยนนามสกุลจาก ตันธนวัฒน์ ซึ่งคำว่า ตัน ซึ่งบ่งบอกความเป็นจีน ขอจดทะเบียนนามสกุลใหม่ว่า "คณานุรักษ์" ซึ่งเป็นชื่อบรรดาศักดิ์ของ "หลวงจีนคณานุรักษ์" มาใช้เป็นนามสกุล โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2483 มีหลวงคีรีรัฐพิศาล ปลัดจังหวัดปัตตานี เป็นผู้ลงนามในทะเบียน
เรื่องราวของตระกูลคณานุรักษ์จึงเป็นประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงการอุทิศตนเพื่อแผ่นดิน การส่งเสริมความเจริญทางเศรษฐกิจ และการเป็นแกนนำในการบำรุงศาสนสถาน ซึ่งทั้งหมดนี้ได้หล่อหลอมให้ปัตตานีเป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยพหุวัฒนธรรมอันแน่นแฟ้นระหว่างชาวไทยพุทธ ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวไทยมุสลิมมาอย่างยาวนาน
นายอนันต์ คณานุรักษ์ เป็นบุตรของขุนจำเริญภักดี เป็นหลานชายของ หลวงจีนคณานุรักษ์ นายอนันต์เข้าสู่วงการการเมืองท้องถิ่นตั้งแต่รัฐบาลมีการจัดตั้งให้มีเทศบาลขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ท่านเป็นนายกเทศมนตรีคนแรกของปัตตานี ตระกูลคณานุรักษ์เป็นผู้นำในระดับท้องถิ่นมาหลายชั่วอายุคน แต่ชื่อเสียงของนายอนันต์กลับไม่ใช่เรื่องการเป็นผู้นำท้องถิ่น แต่กลับเป็นเรื่องการสร้างพระเครื่อง "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" วัดช้างให้ ตำบลป่าไร่ อำเภอโคกโพธิ์ โดยได้ร่วมมือกับพระครูวิสัยโสภณ (อาจารย์ทิม) สร้างพระเครื่องเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2497 เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างพระอุโบสถและบูรณะวัดตลอดจนสร้างโรงเรียนวัดช้างให้
ด้วยอภินิหารของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ทำให้ประชาชนชาวพุทธจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมาเช่าพระเครื่องหลวงปู่ทวดกันมากมาย จนได้เงินมาสร้างพระอุโบสถและโรงเรียนตามเจตนารมณ์ของนายอนันต์ หนังสือพิมพ์หลายฉบับตีข่าวเรื่องนี้จนทำให้นายอนันต์มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จักเมื่อมีการกล่าวถึงพระเครื่องหลวงปู่ทวด
ในสมัยนั้นมีข้าราชการผู้ใหญ่ และนายทหารผู้ใหญ่หลายท่านจากกรุงเทพ ฯ มาติดต่อขอผ้ายันต์หลวงปู่ทวดจากนายอนันต์เพื่อนำไปมอบให้ทหารและตำรวจชายแดนเป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจ นอกจากนี้นายอนันต์ยังมีการพิมพ์ตำราไสยศาสตร์เพื่อแจกจ่ายแก่ทหารและประชาชนทั่วไปที่สนใจ เนื่องจากอาชีพทำเหมืองแร่สมัยก่อน ต้องเดินทางเข้าป่า การคมนาคมไม่สะดวกจึงต้องศึกษาไว้เพื่อเป็นเครื่องป้องกันตัว
นายอนันต์ คณานุรักษ์ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 ชื่อของนายอนันต์ยังคงมีผู้กล่าวถึงจวบจนปัจจุบัน เมื่อมีการพระเครื่องหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
Advertisement