วันที่ 10 ต.ค. 68 ที่จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักโบราณคดี และเจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากรที่9 อุบลราชธานี เข้าตรวจสอบวัตถุคล้ายขวานหรือเสียม ที่ชาวบ้านบ้านเหล่าน้อย ต.ค้อวัง อ.ค้อวัง จ.ยโสธร ขุดพบโดยบังเอิญ หลังจากที่ได้นำดินมาจากที่นาของชาวบ้านใกล้เคียงกัน แล้วนำไปถมที่นาของตัวเอง เพื่อทำเป็นบ่อเลี้ยงปลาแล้วไปพบวัตถุดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะเก็บกลับมาตรวจสอบ หาข้อมูลในโซเชียล
จากการตรวจสอบเบื้องต้น นักโบราณคดียืนยันว่า เป็นขวานสำริดโบราณที่มีอายุระหว่าง 2,000–3,000 ปี และเป็นวัตถุโบราณคดีที่ไม่ค่อยจะพบมากนักในประเทศไทย จากการวัดขนาดโดยรอบของขวานสำริดที่พบมีขนาดความยาว 7.5 เซนติเมตร กว้าง 6.5 เซนติเมตร และหนา 2.5 เซนติเมตร
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่ขุดดินก่อนนำไปถมที่นา พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สูงติดชายป่า ส่วนด้านล่างเป็นที่นาใกล้กับล้ำห้วยพระบางบ้านเหล่าน้อย ต.ค้อวัง อ.ค้อวัง จ.ยโสธร ชาวบ้านในพื้นที่เรียกว่าโนนสังข์
จากการตรวจสอบพบว่ายังมีเศษหม้อดิน และเศษไห กระจายอยู่ตามพื้นดินไปทั่วบริเวณ จึงเชื่อว่าบริเวณดังกล่าวน่าจะเป็นชุมชนเก่าโบราณหลายพันปี
โดยก่อนหน้านี้เคยมีชาวบ้านพบเห็นเศษกระดูกขนาดใหญ่ และวัตถุคล้ายกับขวาน และเสียมมาแล้วหลายชิ้น ก่อนจะนำกลับไปเก็บไว้ภายในวัดประจำหมู่บ้าน
จากการสอบถามนายสากล ลุผล อายุ 43 ปี ชาวบ้านที่พบขวานสำริดโบราณ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ซื้อดินจากนางหม่อน ทองทับ เจ้าของที่ดินบริเวณโนนสังข์ แล้วนำดินไปถมที่นาของตนเมื่อปีที่ผ่านมา จากนั้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ไปขุดดินตรงจุดที่มีการถมที่ เพื่อทำเป็นบ่อเลี้ยงปลา แล้วไปขุดพบขวานสำริดดังกล่าวโดยบังเอิญ ตอนแรกตนคิดว่าเป็นเสียมเหล็กธรรมดาทั่วไป แต่ผิดสังเกตว่าถ้าเป็นเหล็กทำไมขึ้นสนิมสีเขียว ตนจึงนำไปล้างน้ำทำความสะอาดก็ยังเป็นสีเขียวเหมือนเดิม จึงได้นำข้อมูลไปสืบค้นในโซเชียลจนพบว่าเป็นขวานสำริดโบราณ จึงนำขวานสำริดไปแจ้งให้แอดมินเพจคนมหาชนะชัยทราบ พร้อมกับได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี เข้าไปตรวจสอบดังกล่าว ก่อนจะได้ส่งมอบขวานสำริดโบราณดังกล่าวให้กับทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี นำกลับไปเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป
ขณะที่นายพงษ์พิศิษฏ์ กรมขันธ์ นักโบราณคดีชำนาญการสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ให้ข้อมูลว่า วัตถุที่ชาวบ้านพบในครั้งนี้คือขวานสำริดโบราณที่มีอายุระหว่าง 2,000–3,000 ปี หรืออาจจะมากกว่านี้ และเป็นโบราณคดีที่ไม่ค่อยจะพบเห็นมากนักในประเทศไทย โดยสำริดจะเป็นการผสมกันระหว่างทองแดงกับดีบุกนำมาหลอมด้วยความร้อนสูง เพื่อทำเป็นเครื่องมือของคนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ ก่อนจะมาเป็นยุคเหล็ก และจากการตรวจสอบจุดที่พบขวานสำริดพบว่าเป็นการกระจายตัวของแหล่งโบราณคดีที่มักจะอยู่ตามเนินดินที่สูงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ได้สูงมากนัก ซึ่งน่าจะเป็นการอยู่อาศัยตามเนินที่อาศัยทรัพยากรน้ำ หรือตามริมน้ำ แต่ไม่ใช่แหล่งโบราณคดีที่มีคูน้ำล้อมรอบ และเชื่อว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 2,500–1,500 ปีมาแล้ว หรือมากว่านั้น
Advertisement