วันที่ 8 ต.ค. 68 ที่ห้องประชุมเขื่อนสิริกิติ์จังหวัดอุตรดิตถ์ นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนสิริกิติ์ โดยมีนายประสิทธิ์ อุปชิต ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ นายพฤกษ์ เรืองไวทย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุตรดิตถ์ ผู้แทนจังหวัดอุตรดิตถ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ร่วมประชุมหารือ เพื่อบูรณาการภาพรวมการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำน่าน และเตรียมการปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนสิริกิติ์ ล่าสุดมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 9,184.56 ล้านลบ.ม. (96.58%ของความจุอ่างฯ) ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 325.44 ล้าน ลบ.ม. (3.42%) โดยยังคงการระบายน้ำในอัตรา 35 ล้านลบ.ม. ต่อวันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงการระบายน้ำของเขื่อนทดน้ำผาจุก และเขื่อนนเรศวรจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้การไหลของน้ำเป็นไปอย่างสมดุลตลอดแนวลุ่มน้ำน่าน
ที่ผ่านมาเขื่อนสิริกิติ์ได้รับอิทธิพลจากพายุวิภา, คาจิกิ, หนองฟ้า และพายุบัวลอยส่งผลให้มีน้ำไหลเข้าอ่างรวมกว่า 6,800 ล้านลบ.ม. ทั้งนี้ สทนช.ได้กำชับให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเขื่อน และพื้นที่ท้ายน้ำ พร้อมสั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และชลประทานจังหวัดอุตรดิตถ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำน่านอย่างต่อเนื่องรวมถึงเตรียมความพร้อมของหน่วยงานปฏิบัติการในกรณีมีฝนตกหนักเพิ่มเติม
นอกจากนี้เขื่อนสิริกิติ์ได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบ และประเมินความปลอดภัยของเขื่อน (กปข.) ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อนและอาคารประกอบในช่วงที่ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำสูงเกิน ร้อยละ90 ของความจุ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนว่า เขื่อนยังคงมีความมั่นคงแข็งแรง และปลอดภัย โดยมีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญร่วมดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ
ด้านรองเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่ารัฐบาลภายใต้แกนนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยได้ให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันสถานการณ์ในหลายพื้นเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเฝ้าระวังฝนจากอิทธิพล พายุ“แมตโม” ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนตกหนักระหว่างวันที่ 7–8 ต.ค. นี้ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำ โดยเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์เป็นวันละ 35 ล้านลบ.ม. พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์ปีนี้ไม่รุนแรงเท่าปี 2554 เนื่องจากมีการวางระบบบริหารจัดการน้ำที่รัดกุม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Advertisement