วันที่ 8 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเมื่อวานนี้ นายรุจิภาส มีกุศล สมาชิกวุฒิสภา จ.สุรินทร์ ได้นำปัญหาของประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนในห้วงที่ผ่านมมา จนถึงขณะนี้เป็นระยะเวลาร่วม 3 เดือนแล้วเพื่อนำปัญหาความเดือดร้อนต่างๆของประชาชนชายแดนขึ้นไปปรึกษาหารือกับประธานวุฒิสภา หลังจากลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากประชาชน
โดยปัญหาความเดือดร้อนหลักๆของประชาชนที่นายรุจิภาส มีกุศล สมาชิกวุฒิสภา จ.สุรินทร์ ได้นำเสนอ อาทิพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยบริเวณตลาดช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ไม่ได้มีเพียงพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชา แต่ยังมีพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยที่ค้าขายอยู่ในตลาดเดียวกันที่รายได้หดหาย แทบไม่มีคนมาซื้อของ ค้าขายไม่ได้ แต่รายจ่ายทุกอย่างยังเท่าเดิม รวมสุขภาพจิตที่ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง เด็กและคนชราหลายคน เริ่มมีภาวะเครียดสะสมรวมทั้งปัญหาหนี้สินและอาชีพ ชาวบ้านจำนวนมากไม่สามารถค้าขายหรือทำกินได้ หนี้สินจึงเพิ่มขึ้น หลายรายถูกยึดทรัพย์ เกษตรกรต้องออกไปทำสวนทำไร่ทำสวนยางด้วยความกลัว แม้กระทั่งฤดูเกี่ยวข้าวที่กำลังจะมาถึง ผู้รับจ้างรถเกี่ยวบางรายยังปฏิเสธไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่ เพราะกลัวกระสุนตกค้าง
และต่างขอให้ขยายมาตรการพักหนี้มาตรการพักชำระหนี้อัตโนมัติจากธนาคารของรัฐ 3 เดือน ที่จะหมดเวลาในอีกไม่ถึงเดือนนี้ แต่สถานการณ์ยังไม่กลับมาปกติ ซึ่งสว.สุรินทร์ ได้ขอฝากรัฐบาลและธนาคารของรัฐ รวมถึงบริษัทไฟแนนซ์เอกชนได้พิจารณาขยายเวลาพักชำระหนี้ และออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนด้วย โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง เร่งรัดหามาตรการเยียวยาฟื้นฟูและสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนให้ชัดเจน เพื่อให้พี่น้องประชาชนชายแดนไทย–กัมพูชา สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ร้านอาหารต่างๆในพื้นที่ตลาดชายแดนช่องจอมทยอยปิดตัวลง และหันไปหาทำเลเปิดร้านแห่งใหม่ในพื้นที่ต่างอำเภอและในตัวเมืองกันหมดแล้ว
โดยเฉพาะนางศิริภา บูรณ์เจริญ หรือ เจ้นาง อายุ 52 ปี เจ้าของร้านทนแบกภาระหนี้สินที่รุมเร้า รวมทั้งค่าเช่าร้านจากผลกระทบในช่วงสงครามไม่ไหว จึงตัดสินใจปิดร้าน เนื่องจากไม่มีลูกค้าและไม่มีใครกล้าออกจับจ่ายซื้อของ ในสถานการณ์แบบนี้จึงต้องตัดสินใจปิดร้านย้ายทำเลไปขายที่หมู่บ้านขนาดมอญ ร้านอยู่เยื้องๆ อบต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์แทนมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว
ซึ่งก็พบว่ามีลูกค้าให้ความสนใจมาช่วยอุดหนุนส้มตำมากพอสมควร ดีกว่าขายที่ย่านการค้าตลาดชายแดนช่องจอมที่เงียบกริบวันๆแทบขายไม่ได้สักครก
เจ้นาง เล่าว่าอยากฝากธนาคารรัฐและเอกชนให้ช่วยมีมาตรการขยายเวลาพักชำระหนี้ให้กับประชาชนชายแดนต่อเนื่องจากสถานการณ์ชายแดนยังไม่ปกติ เพราะตอนนี้ประชาชนทำมาหากินลำบากมากหนี้สินพอกพูน หลายคนก็ถูกยึดรถ และฝากถึงรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาปากท้องและหนี้สิน รวมทั้งประชาชนยังเป็นห่วงกลัวเกิดสงครามในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวที่กำลังจะสุก และให้รีบจัดการปัญหาชายแดนให้จบโดยเร็ว และขอขอบคุณท่าน สว.ที่มองเห็นปัญหาและให้ความสำคัญกับประชาชนตามตะเข็บชายแดนที่กำลังเดือดร้อน
Advertisement