ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านสกลพัฒนาเจอกับ นายวีระพันธ์ เกษมสุข อดีตทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จังหวัดศรีสะเกษ บอกว่า ตัวเค้าประจำการปลดประจำการเมื่อปีที่ 2554 หลังไทยกัมพูชามีการสู้รบกันเสร็จ มาเป็น ชรบ.หมู่บ้านสกลพัฒนา
นายวีระพันธ์ เล่าย้อนไปว่าความเป็นอยู่ของทหารในสมัยก่อนนั้น ทหารพรานจะต้องแบกเสบียงและลำเลียงเสบียงไปกันเอง เพราะยังไม่ได้มีถนนหนทางสะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน เมื่อเสบียงหมดก็จะมีทหารนำกำลังมาส่งเสบียงให้ แต่ที่ผ่านมาการสู้รบไม่ได้ยืดเยื้อเท่าปัจจุบัน ในช่วงการสู้รบนั้น การจุดไฟประกอบอาหาร ก็สามารถทำได้ แต่จะยากลำบากช่วงหน้าฝนในช่วงนี้ที่อาหารอาจจะเน่าเสียง่าย แต่ทั้งนี้เท่าที่ประสบการณ์ที่อยู่แนวหน้า ยังไม่เคยเจอถึงขั้นว่าประกอบอาหารกันอยู่แล้วทหารกัมพูชาจะยิงเข้ามา เพราะต่างก็รู้ว่าเป็นช่วงพัก
แต่อย่างไรก็ตามด้วยลักษณะของทหารกัมพูชาที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็มักจะยั่วยุทหารไทย ซึ่งก็จะมีการตอบโต้จากทหารไทยตามเหตุและผล เพราะทหารเขมร มักจะกัดและไว้ใจไม่ได้
ตนเองเคยประจำการอยู่ที่ศาลาตรีมุข สามเหลี่ยมมรกตที่ช่องบกทหารไทยและทหารลาว ที่ขึ้นมาประจำการ 3 ฝ่าย จะไม่มีใครยอมรับในตัวทหารกัมพูชาที่ขึ้นมาประจำการ เพราะจะกินเหล้าส่งเสียงดังโวยวายและยิงปืนเล่น ไม่สนใจทหารไทยและทหารลาวเลย ซึ่งก็เหมือนในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ยังคงเห็นความไม่เป็นระเบียบวินัยของทหารกัมพูชา ที่จะยิงยั่วยุทหารไทย แต่สุดท้ายรัฐบาลกัมพูชากลับไม่ยอมรับว่าเป็นการยั่วยุกรณีล่าสุด
ส่วนตัวอยากให้ทหารไทยและรัฐบาลไทยเร่งดำเนินการผลักดันและยึดคืนพื้นที่ ที่เขมรบุกรุกเข้ามา โดยเฉพาะอย่างที่ช่องระยี ในช่องปลดต่าง ที่ทหารกัมพูชาบุกรุกเข้ามาสร้างบ้านเรือนและสวนผลไม้ในพื้นที่ของตำบลตะเคียน และตำบลด่าน ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านสกลพัฒนาที่ตนเองอาศัยอยู่ เพราะก่อนหน้านี้พื้นที่ตรงบริเวณนั้น ตนเองเคยประจำอยู่เมื่อหลายสิบปีก่อน ทหารเขมรยังไม่รุกล้ำเข้ามาลึกถึงขนาดนี้มาก่อนเลย
Advertisement