ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ กรมกิจการพลเรือนทหารบกร่วมกับกองพัฒนานักศึกษาจัดการบรรยาย “เรื่องจริงจากชายแดน(Thetruestoriesfromtheborder)” โดยมีนักเรียนนักศึกษาและประชาชนกว่า 2,000 คน เข้าร่วมรับฟัง ซึ่งครั้งนี้มีสองวิทยากรสำคัญพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 หรือ “แม่ทัพกุ้ง” และพลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกหรือ “ผู้พันต๊อด”
ซึ่งแม่ทัพกุ้งได้เล่าประสบการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ทหารไทยต้องตรึงกำลังประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้ามท่ามกลางข้อจำกัดและแรงกดดันมหาศาล พร้อมยืนยันว่ากองทัพไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้เพียงตารางนิ้วเดียว พร้อมกล่าวสดุดีทหารกล้าที่เสียสละชีวิตเพื่อผืนแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย และประณามการกระทำของกองกำลังกัมพูชา ที่ใช้อาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย จนทำให้ประชาชนชาวไทยเสียชีวิต
โดยย้ำว่าหน้าที่ของทหารคือการปกป้องทั้งผืนดินครอบครัวและประชาชนผู้บริสุทธิ์ สำหรับการเปิดด่านชายแดนการตัดสินใจเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องพิจารณาหลายด้าน ขณะที่กองทัพมีหน้าที่เสนอข้อมูลจากพื้นที่จริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ซึ่งจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่ามาตรการด้านความมั่นคงจะพร้อมเต็มที่ และยังเป็นหนึ่งในยุทธวิธีด้านยุทธศาสตร์ที่อาจสร้างความได้เปรียบและทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนคลี่คลายลงได้ โดยไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ เพราะหากเร่งดำเนินการอาจก่อให้เกิดปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสังคมความมั่นคง เป็นเรื่องที่ต้องมาก่อนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะสั้น
ด้านผู้พันต๊อด ได้กล่าวถึงบทบาทการสื่อสารในฐานะโฆษกกองทัพบก ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลจากแนวหน้าสู่สาธารณชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจ พร้อมย้ำว่ากองทัพพร้อมยืนเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในสนามรบด้านข้อมูลข่าวสารที่ทุกคนถือเป็นกำลังสำคัญไม่แพ้ทหารแนวหน้า
นอกจากนี้แม่ทัพกุ้ง ยังได้เชิญชวนนักเรียนนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจรักชาติเข้าร่วมสมัครเป็นทหาร โดยชี้ว่ากำลังพลที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ เพราะการฝึกนายทหารที่แข็งแกร่งต้องใช้เวลานับปี ปัจจุบันทหารไทย 1 นายต้องต่อสู้กับข้าศึกมากถึง 10 นาย จึงจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพกำลังพลให้เข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม พร้อมฝากข้อคิดให้เยาวชนใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์ ไม่หลงเชื่อข่าวปลอม แต่ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อเสริมพลังทางสังคมไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและสง่างาม
Advertisement