(7 ก.ค. 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานหน่วยกำลังในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ กองกำลังบูรพา, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่12 (ฉก.อรัญประเทศ), ชุดควบคุมทหารพรานที่12 (ชค.ทพ.12) โดยกองร้อยทหารพรานที่ 1201 และ 1206 ได้ทำการลาดตระเวนและสามารถสกัดจับคนไทยลักลอบข้ามแดนกลับจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้จำนวน 2 กลุ่ม รวม 7 คน
กลุ่มแรกเป็นหญิงไทยจำนวน 3 ราย ถูกจับกุมขณะพยายามลอบกลับเข้าประเทศบริเวณบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากการสอบถามเบื้องต้นให้การว่า ได้ถูกบุคคลชื่อ "นายแขก" ชักชวนไปทำงานแม่บ้านในตึกคาสิโนย่านปอยเปต โดยเข้าใจว่าเป็นงานสุจริต แต่ภายหลังกลับถูกนายจ้างชาวจีนพยายามบังคับให้เปิดบัญชีธนาคารในไทย เพื่อนำไปใช้เป็นบัญชีม้า เมื่อปฏิเสธและรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงตัดสินใจหลบหนีกลับไทย โดยจ่ายเงินค่าจ้างนำทางให้ชาวกัมพูชาคนละ 100 บาท ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบและควบคุมตัวได้
กลุ่มที่สองเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชายไทย 1 คน และหญิงไทย 3 คน บริเวณบ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กลุ่มดังกล่าวให้การว่าสมัครใจเดินทางข้ามไปยังฝั่งปอยเปตเพื่อร่วมกระบวนการเปิดบัญชีม้า โดยพบเห็นประกาศ "รับเช่าบัญชี" ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์และตกลงค่าตอบแทน 3,000 - 8,000 บาท ต่อบัญชีโดยมีการเปิดบัญชีในไทยก่อนและถูกส่งตัวข้ามแดนไปสแกนใบหน้าในฝั่งกัมพูชา แต่เมื่อบัญชีถูกอายัดและหมดประโยชน์ ขบวนการได้ปล่อยทิ้งกลุ่มผู้ต้องหาต้องจ่ายเงินคนละ 2,500 บาท เพื่อหาทางกลับไทยเอง จนถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการค้ามนุษย์และการแสวงหาประโยชน์จากประชาชนตามแนวชายแดน ทั้งในลักษณะของการหลอกลวงและการชักจูงให้สมัครใจเข้าไปมีส่วนร่วมในขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีการเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงและดึงคนไทยเข้าไปร่วมขบวนการอยู่ตลอดเวลา หน่วยงานความมั่นคงขอเน้นย้ำเตือนประชาชนว่า การเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นใช้งานหรือการร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจหรือไม่ล้วนเป็นความผิดทางกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับและยังอาจถูกดำเนินคดีร่วมกับขบวนการอาชญากรรมด้วยกองกำลังในพื้นที่ จะยังคงดำเนินมาตรการลาดตระเวนและสกัดกั้นอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเฝ้าระวังและปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติอย่างต่อเนื่อง
Advertisement