วันที่ 15 มิ.ย. ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ตรวจเยี่ยมความพร้อม และการซ่อมแซมปรับปรุงบังเกอร์ ให้กับเด็กนักเรียนและชาวบ้านในพื้นที่ โรงเรียนบ้านแปดอุ้ม ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนติดชายแดน ห่างจากช่องบกราว 15 กิโลเมตร รวมไปถึงยังได้เข้าไปให้กำลังใจชาวบ้านที่อยู่ใน อบต.โดมประดิษฐ์ และมอบสิ่งของ-เครื่องใช้ ให้กับกำลังพลทหารที่ปฏิบัติการอยู่บริเวณฐานชายชาญด้วย
โดยว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ ระบุว่า วันนี้ได้พาทีมงานภาคีเครือข่ายทั้งหมด มาร่วมกันปรับปรุงและซ่อมแซมบังเกอร์หลุมหลบภัย ที่โรงเรียนบ้านแปดอุ้ม ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้มีความเป็นห่วงและให้เราเร่งสำรวจและปรับปรุงบังเกอร์หลุมหลบภัยให้กับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่แนวชายแดน เพื่อเตรียมความพร้อมหากต้องเผชิญเหตุฉุกเฉิน ซึ่งสิ่งที่เราได้ปรับปรุงวันนี้ คือ การเสริมกระสอบทราย เพื่อป้องกันสะเก็ดระเบิด รวมไปถึงด้านใน เราได้ปูหญ้าเทียมเพิ่ม เพื่ออย่างน้อยที่สุดให้ลูกหลานได้เข้าไปหลบหรือไปนั่งได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะหากเราต้องเข้าไปอยู่จริง คาดว่าน่าจะต้องอยู่กันอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง พร้อมยืนยันทางจังหวัด เราได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี ระบุไว้ว่า "มหาดไทยคือบ้าน ทหารคือรั้ว"
ส่วนการประชุม JBC ระหว่างไทย-กัมพูชาวันนี้ เราก็ติดตามข่าวจากฝ่ายรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศเป็นหลัก แต่ในส่วนของทหาร เขาก็ตรึงกำลังในพื้นที่ตามปกติ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ โดยทางฝ่ายปกครอง ก็ทำหน้าที่ในส่วนของเรา เชื่อว่าการเตรียมความพร้อมตรงนี้ไม่เสียเปล่า เพราะอย่างน้อยที่สุด เราก็จะมีพื้นที่สำหรับกึ่ง walking ของเด็กด้วย
เมื่อถามถึงการเจรจา JBC วันนี้ ทางจังหวัดมีแนวโน้มเตรียมการอย่างไรนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี บอกว่า “ในส่วนของจังหวัด ขออนุญาตติดตามในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศเป็นหลัก แนวทางเราก็ได้รับฟังจากรัฐบาลในเรื่องของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นี่คือสิ่งที่เราได้รับการสื่อสาร และเราก็ได้มาบอกต่อกับพี่น้องประชาชนว่า ในส่วนของรัฐบาลเขาก็ทำเต็มที่ ในส่วนของบ้านเมือง เราก็ใช้ชีวิตปกติ และมีการเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ทุกคนต่างทำหน้าที่ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องมีชีวิตที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด”
โดยแผนที่วางไว้เราก็เตรียมทุกอย่างให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งความปลอดภัยและบังเกอร์หลุมหลบภัย รวมไปถึงแผนอพยพแล้ว ซึ่งได้แบ่งและมอบหน้าที่ให้กับทุกฝ่าย เพราะถือเป็นภารกิจของเรา และเราก็ได้พูดคุยกับชาวบ้าน พร้อมเน้นย้ำให้รอรับฟังสัญญาณจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงเป็นหลัก
เมื่อถามเรื่องการที่กัมพูชานำพื้นที่ข้อพิพาทยื่นสู่ศาลโลก หนึ่งในนั้นคือพื้นที่ช่องบกนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ตอบว่า “สิ่งที่เราได้รับคำสั่งจากทางนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เราเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างที่รัฐบาลสั่งให้ทำ โดยเฉพาะทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน นี่คือสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเรา”
เมื่อถามถึงเรื่องกระแสข่าวเรื่องกระบอกปืนฝั่งกัมพูชาที่หันมาทางฝั่งไทย ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล จ.ศรีสะเกษ ในส่วนนี้พื้นที่ช่องบกและช่องอานม้า ซึ่งเป็นจุดเปราะบาง มีการป้องกันอย่างไร ได้รับรายงานจากหน่วยความมั่นคงบ้างหรือไม่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ตอบว่า “เรื่องของการตรึงแนวชายแดน ต้องออกมาจากกองทัพเท่านั้น ในส่วนของเรามีหน้าที่เตรียมการ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เราต้องกินนอนกับชาวบ้าน”
ส่วนเรื่องการค้าการขาย ในพื้นที่ชายแดน จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบหรือไม่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ยืนยันว่า ไม่ส่งผลกระทบ เพราะด่านชายแดนที่เรามี คือช่องอานม้าเพียงจุดเดียว ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้า จากเดิมเราเปิด 2 วันต่อสัปดาห์ ตอนนี้ปรับให้เหลือ 1 วันต่อสัปดาห์ จึงไม่ได้กระทบการค้าการขาย เพราะสินค้าที่ขายส่วนใหญ่ เป็นพวกสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดเล็ก , สินค้าชุมชน และสินค้าการเกษตรเกษตร ไม่ใช่ด่านค้าขายถาวร
ส่วนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีจำนวนพ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามาค้าขาย 50-60 คน ส่วนนักท่องเที่ยวเราได้แนะนำว่าอย่าเพิ่งเข้าไป ให้ท่องเที่ยวเฉพาะในตัวเมืองอำเภอน้ำยืนก่อน
สำหรับข้อมูลจากทางราชการในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เรามีสถิติการค้าขายจากพาณิชย์ บริเวณจุดช่องอานม้า พบยอด 3 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดส่งออก 2 ล้านบาท และยอดนำเข้า 1 ล้านบาท เป็นการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ มีนักท่องเที่ยวบ้าง แต่เมื่อก่อนมีนักท่องเที่ยวมากถึง 500 คน แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 60-70 คน.
Advertisement