พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการหารือกองบินตำรวจว่า เหตุที่เกิดขึ้นที่กองบินตำรวจเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะดำเนินการใน 2 ประเด็น คือ การสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้นกับสังคม และต้องการสร้างความมั่นใจให้กับนักบินเพื่อทำหน้าที่ โดยระหว่างนี้จะเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อความโปร่งใสและเพื่อความสุจริตอย่างแท้จริง
ซึ่งในเรื่องของสร้างความมั่นใจ นั้น ตนได้เดินทางไปที่กองบินตำรวจเพื่อวางแนวบริหารอากาศยาน วิธีการบริหารนักบิน และการซ่อมบำรุงต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น
ขณะที่เครื่องบินตำรวจที่สามารถใช้ได้อยู่ในตอนนี้จะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เมื่อไหร่หลังมีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คาดว่า เราใช้เวลาในการตรวจสอบ 1 สัปดาห์ โดยให้นักบินได้มีส่วนร่วมด้วยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักบิน และคาดว่าในวันเสาร์ที่ 31 พ.ค. นี้ จะสามารถเริ่มภารกิจที่จำเป็นได้
ส่วนที่มีการต้องคำถามถึงการตั้งงบประมาณในการซ่อมบำรุงปีละ 950 ล้าน นั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในปีนี้เรายังไม่ใช้งบประมาณ เพื่อวางแนวการบริหารใหม่ให้เกิดความถูกต้อง และเน้นในเรื่องของการซ่อมอากาศยานให้เกิดคุณภาพมากที่สุด คุ้มค่ากับงบประมาณให้มากที่สุด พร้อมยืนยันว่า มีการตรวจสอบย้อนหลังกลับไปอยู่แล้วเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
เมื่อถามถึงกรณีที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตำรวจมักเป็นเป้าในการก่อเหตุความไม่สงบ จะมีการวางแนวทางอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องของความมั่นคง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เป้าหมายที่ถูกกระทำไม่ใช่มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น แต่มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร สามเณร ชาวบ้าน ซึ่งไม่ว่าคนที่นับถือศาสนาใดก็รู้สึกไม่สบายใจ และรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเรามีขีดจำกัดบริเวณแนวชายป่า ที่สะดวกต่อผู้ก่อความไม่สงบที่สามารถมาก่อเหตุและหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นการยกระดับในการปฏิบัติ คือ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมและเน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคงทำงานอย่างเต็มที่ด้วยการประสานกันเพื่อลดขีดจำกัดในการลงมาก่อเหตุ ขณะภายในก็เพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง และศึกษาการระวังตนเอง โดยต้องไม่ประมาท
ส่วนความคืบหน้าการติดตามผู้ก่อเหตุล่าสุดนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เราดำเนินการในเรื่องของแง่มุมการสืบสวน ทั้งยานพาหนะบุคคล ที่อยู่ระหว่างการสืบสวนของแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งทหาร และตำรวจ ร่วมมือกันอยู่แล้ว โดยเห็นได้วานนี้ (29 พ.ค. 2568) การแถลงข่าวจะเห็นความคืบหน้าในการปฏิบัติการเชิงรุกในหลายวิธี จึงเชื่อว่า วันข้างหน้าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง
Advertisement