ถอด 5 บทเรียน "วัดไร่ขิง" เขย่าวงการสงฆ์ เดิมพันศรัทธาชาวพุทธ
ถอด 5 บทเรียน "วัดไร่ขิง" สะเทือนวงการสงฆ์ วัดใจมหาเถรสมาคม สำนักพุทธฯ กู้หน้าศรัทธาประชาชน
ข่าวใหญสะเทือนวงการผ้าเหลือง กับการยักยอกเงิน "วัดไร่ขิง" จ.นครปฐม หลายร้อยล้าน แต่จะว่าไปเผลอ ๆ อาจแตะหลัพันล้าน ของอดีต "พระธรรมวชิรานุวัตร" หรือ "สมีแย้ม" ที่ปัจจุบันหลักฐานยังสาวไปไม่ถึงขั้นเอาผิดฐานฟอกเงิน และเป็นนายทุนทำเว็บพนันออนไลน์ แต่ก็มีความผิดมหันต์ เพราะเผลอตัวเผลอใจ อมเงินวัด แถมยังใจบุญโอนเงินให้ "สีกา" ด้วยความสเน่หาเป็นว่าเล่น ไม่เห็นหัวดำหัวหงอกที่ศรัทธาทำบุญเข้าวัด จนตัวต้องหลุดจากผ้าเหลือง หลายคนคงได้ติดตามประเด็นนี้มาตลอดทั้งสัปดาห์ และอยากเชื่อสายตาว่า ระดับพระสมณศักดิ์สูงจะทำตัวเช่นนี้ เราได้เห็นอะไรจากข่าวฉาวนี้บ้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประเด็นแรก "สมีแย้ม" อาจถูกหลอกให้ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน เดิมทีสมีแย้มบวชเรียนมาตั้งแต่อายุ 12 ครองจีวรมาร่วม 58 ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก จนจบเปรียญธรรม 3 ประโยค เป็นที่นับหน้าถือตาของสังคม มีชื่อเสียง เกียรติยศ จนได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ตามลำดับเรื่อยมา จนมาบที่ พระราชาคณะชั้นธรรม อายุอานามก็มากโข คนบวชพระจนอายุปูนนี้ สุดท้ายต้องมาพ่ายให้กับให้กับ "2 ส." สตางค์ กับ สตรี ซึ่งตำรวจเองก็ยืนยันว่า สมีแย้มไม่ได้ติดพนัน แต่ติดหญิงมากกว่า หากวิเคราะห์ดูพฤติกรรมของสีกาแล้ว ก็ไม่ต่างกับพวก "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ที่ล่อลวงอัดคลิปเก็บไว้เพื่อหวังแบล็กเมล์เหยื่อ หากขออะไรไม่ได้ก็จะขู่ปล่อยหมัดเด็ด เป็นจุดด้อยของคนที่อ่อนต่อโลก เพราะโชกโชนทางธรรมมาเกือบชั่วชีวิต
ประเด็นที่ 2 ศรัทธาล้นวัดไร่ขิง ต้องยอมรับว่า วัดไร่ขิง ชื่อเสียงโด่งดังมานับร้อยปี ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาในตัว "องค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง" มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับพระพุทธรูป 5 พี่น้อง ที่ลอยมาตามแม่น้ำภาคกลาง ได้แก่ หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม วรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่อโต วัดบางพลี จ.สมุทรปราการ, หลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี, หลวงพ่อบ้านแหลม วัดบ้านแหลมหรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร จ.สมุทรสงคราม และพระพุทธองค์น้อยสุดที่นับว่าเป็นองค์น้องเล็กตามตำนาน นี้ก็คือ หลวงพ่อวัดไร่ขิง ที่เชื่อว่าลอยมาตามลุ่มน้ำท่าจีน ขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้ ความศักดิ์สิทธิ์นี้สาธุชนทราบกันดี ว่าท่านจะปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภัยอันตราย ช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีความเจริญในชีวิต ค้าขายรุ่งเรือง ขออะไรก็ได้หมด จึงไม่แปลกใจที่มีผู้คนแห่แหนมากราบไหว้ไม่ขาดสาย แต่ละวันมีเม็ดเงินเข้าวัดเป็นล้านบาท
ประเด็นที่ 3 จากวัดกลายเป็นบริษัท ไม่แปลกใจอีกเช่นกัน เพราะเงินที่เข้ามามากมายเพียงนี้จะทำให้วัดมีรายได้แตะพันล้านบาท และอำนาจการบริหารเงินจะหนีไปไหนได้ ย่อมตกไปอยู่ในมือของเจ้าอาวาสและคนไม่กี่คน ซึ่งก็เอาคนของตัวเองเข้ามาดูแลผลประโยชน์ทั้งสิ้น ไหนจะเงินสดที่ได้จากการทำบุญกับตู้บริจาคเกือบ 200 ตู้ ไหนจะค่าเช่าแผงตลาดนัดรายวัน นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการประมูลแผงงานวัดประจำปี ซึ่งแต่ละแผงก็ตกมีตั้งแต่หลักหมื่นไปจบที่หลักล้าน แล้วปีหนึ่งก็ไม่ได้จัดเพียงหนเดียว พ่อค้าแม่ค้าบางเจ้าก็ยอมทุ่มทุน "จ่าย-จอง-จบ" เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าวัดนี้เป็นทำเลทองค้าขาย แต่ละคืนคนมาเที่ยวกันเป็นเรือนแสน นี่ยังไม่รวมรายได้จากทางอื่น เช่น เงินบริจาคของมูลนิธิ เงินจากค่าเช่าวัตถุมงคล จากการตรวจสอบพบวัดไร่ขิงมีเงินฝากทั้งหมด 49 บัญชี แต่สุดท้ายบางเดือนกลับไม่พอจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เพราะถูกโอนไปให้สีกาเกือบหมด
ประเด็นที่ 4 ช่วงชิงอำนาจปกครองทางสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา หรือสมณเพศ ถ้าความโลภเข้าครอบงำต่างก็หวังเป็นใหญ่เป็นโตทั้งสิ้น เพื่ออำนาจและบารมี ประเด็นนี้มีข้อมูลว่า สมีแย้มเคยจ่ายส่วนให้ผู้มีอำนาจสูงถึง 15 ล้านบาท เพื่อก้าวขึ้นเป็น "เจ้าคณะภาค 14" ที่ปกครอง 4 จังหวัดโซนภาคกลาง ได้แก่ นครปฐม, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี และสมุทรสาร เมื่อสมใจตำแหน่งสมใจแล้ว ก็ต้องแสวงหาทุนคืน และก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ไปตามเก็บส่วยจากวัดที่อยู่ภายใต้การปกครอง เพราะเงินที่มีอยู่ในมือก็ร่อยหรอ กลัวไม่พอโอนปิดปากสีกา
ประเด็นที่ 5 ระบบเอื้อให้พระสงฆ์เป็นใหญ่เหนือฆราวาส จึงทำให้เรื่องการจัดการภายในวัด โดยเฉพาะการบริหารจัดการเงินและทรัพย์สินต่าง ๆ ต้องฟังพระทั้งหมด โดยเฉพาะพระผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ พูดไม่ได้ ตักเตือนไม่ฟัง เพราะมีสมุนมากมายทั้งบรรดานักการเมือง ไฮโซ คนดัง คนในเครื่องแบบ วัดแถวบ้านใครเป็นแบบนี้บ้าง อันนี้ยิ่งน่ากลัว ยิ่งต้องได้รับการตรวจสอบ ล่าสุด มหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีความคิดที่จะถอดบทเรียนจากข่าวฉาววัดไร่ขิง ทบทวน ปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบต่าง ๆ ให้ทันสมัยมากขึ้น อนาคตอาจต้องอาศัยระบบ "อี-โดเนชั่น" หรือการบริจาคออนไลน์ มาใช้แทนเงินสด ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามต่อไป
เหนืออื่นใด ไม่ว่าพระศักดิ์จะศักดิ์สูงแค่ไหน หรือเป็นเพียงหลวงตาบ้าน ๆ ธรรมดา ถ้าไม่ยึดหลัก "พระธรรมวินัย" เป็นแก่น ก็ไม่ควรค่าแก่การกราบไหว้สนิทใจ ชาวพุทธคิดเห็นอย่างไรบ้าง หรือถ้าหากอยากทำบุญจริง ๆ ถ้าไม่ทำกับวัดจะไปเลือกทำกับสิ่งไหนบ้าง ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ Save ชาวพุทธด้วยเทอญ
Advertisement
