ฝนถล่มสมุทรปราการกลางดึก หลายหมู่บ้านทุกข์ระทมจมบาดาล ด้านผู้บริหารท้องถิ่นรวมตัวบุกทวงถามการระบายน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาที่จังหวัดสมุทรปราการเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอบางบ่อเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักหลายชั่วโมง ทำให้หลายหมู่บ้านในพื้นที่อำเภอบางบ่อเกิดน้ำท่วมสูงไม่สามารถสัญจรเข้าออกหมู่บ้านได้ ประชาชน 1,300 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก รถเสียหายจากน้ำท่วมหลายสิบคัน หลายคนยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้า บ้านบางหลังขาดแคลนน้ำดื่ม เจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำออกแต่ทำไม่ได้เต็มที่เพราะน้ำจากหมู่บ้านต้องระบายออกคลองกันยา แต่คลองกันยาน้ำก็สูงเกือบถึงระดับเดียวกับน้ำในหมู่บ้าน หากฝนไม่ตกซ้ำอีก 2-3 วันน่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ชาวบ้านเล่าว่าวันนี้ตนต้องลางานเพราะไม่สามารถออกไปทำงานได้และไม่สามารถออกไปซื้ออาหารได้ จึงต้องออกมาเก็บผักในซอยไปทำอาหารกินมื้อเช้าที่บ้าน ตอนนี้เดือดร้อนมากฝนตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่เมื่อช่วงตีหนึ่งจนถึงเช้า ต้องการให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือเรื่องข้าวและน้ำดื่มเพราะชาวบ้านออกไปซื้อเองไม่ได้ ตั้งแต่ตนอยู่มาสิบกว่าปีไม่เคยท่วมขนาดนี้ ตอนนี้รถไม่สามารถเข้าออกได้เลย
นายวัฒนา เจริญจิตร นายอำเภอบางบ่อกล่าวว่า ตอนนี้เรื่องการขนย้ายประชาชนได้ประสานรถยกสูงจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการเข้ามาช่วยเหลือคอยรับส่งประชาชนเข้าออกหมู่บ้าน สำหรับความเดือดร้อนเรื่องอาหารและน้ำดื่มตนได้ประสานไปยังนายกเทศบาลบางบ่อและนายก อบต.บางเพรียง ให้เข้ามาสนับสนุนแล้วและตนยังประสานไปยังชลประทานให้เร่งระบายน้ำ พร่องน้ำในคลองสำโรงลงสู่ทะเลโดยเร็ว
ด้านนายสัมฤทธิ์ จันทร นายก อบต.คลองด่าน พร้อมด้วยรองนายก อบต.บางเพรียง และคณะพากันไปที่สำนักบริหารจัดสรรน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร ซึ่งเป็นสำนักงานระบายน้ำหลักของจังหวัดสมุทรปราการเพื่อทวงถาม และขอการชี้แจงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ หลังจากชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมากกำลังเดือดร้อนจากน้ำที่เอ่อล้นเข้าท่วม
นายก อบต.คลองด่าน เปิดเผยว่าหลังจากที่ปริมาณน้ำในพื้นที่ของอำเภอบางบ่อและใกล้เคียงซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำรับการระบายน้ำจากเมืองหลวงอย่าง กทม.รวมถึงฝั่งปทุมธานี รังสิต ประกอบกับเป็นพื้นที่แอ่งกระทะแล้วมีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงทำให้ทั้งตำบลคลองด่านถูกน้ำเข้าท่วมพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นชุมชน บ้านเรือนประชาชน รวมถึงบ่อกุ้งบ่อปลาได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาท้องถิ่นเองจะระดมสั่งกระสอบทรายมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านเพื่อป้องกันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเอาอยู่จนเกิดวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ ที่ผ่านมาพบว่าการระบายน้ำในคลองเป็นไปอย่างล่าช้าจนสังเกตได้จึงตัดสินใจพากันมาที่กรมชลประทานชลหารพิจิตรเพื่อทวงถามการบริหารจัดการน้ำ พบว่าที่ผ่านมาการระบายน้ำของชลหารพิจิตรยังทำได้ไม่เต็มกำลัง เป็นการระบายน้ำระบบธรรมชาติคือการใช้ประตูระบายน้ำแทนการสูบน้ำ จนเกิดคำถามว่าเพราะอะไรทำไมถึงยังไม่ใช้เครื่องสูบน้ำ ซึ่งก็ได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ชลหารพิจิตรว่าระดับน้ำยังไม่ถึงขีดกำหนดที่จะต้องใช้เครื่องสูบน้ำช่วยในการระบายน้ำ ตนเองในฐานะคนในพื้นที่เองจึงได้ขอความร่วมมือการระบายน้ำหลังจากนี้ ซึ่งนอกจากจะใช้ประตูระบายน้ำแบบธรรมชาติแล้ว จะต้องเดินเครื่องสูบน้ำช่วยเพื่อเร่งระบายน้ำในคลองสายหลักให้ได้มากที่สุดเพื่อรองรับน้ำจากด้านบนที่จะลงมาสมทบ
นายวิรวัฒน์ ผสมทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทานสำนักโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตรเปิดเผยว่า สำหรับโครงการชลหารพิจิตรจะมีสถานีสูบน้ำเรียบคลองทะเลทั้งหมดรวม 9 สถานี ไม่รวมประตูระบายน้ำ ที่ผ่านมายอมรับว่าใช้การระบายน้ำแบบประตูระบายน้ำธรรมชาติจริง หลักการใช้ประตูระบายน้ำจะใช้หลักการแรงโน้มถ่วงในช่วงที่น้ำทะเลลงต่ำกว่าระดับน้ำจืดก็จะเปิดบานประตูระบายน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล แต่พอมีน้ำทะเลหนุนก็จะปิดประตูระบายน้ำแล้วใช้เครื่องสูบน้ำสูบระบายน้ำออกสู่ทะเล ที่ผ่านมายืนยันว่ามีการระบายน้ำทั้งระบบบานประตูและเครื่องสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ปัจจุบันมีเครื่องสูบระบายน้ำรวมแล้วประมาณ 24 เครื่อง แต่การเดินเครื่องสูบระบายน้ำไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา จะต้องเดินเครื่องสลับหยุดเพื่อพักเครื่องบ้างแต่ก็ใช่ว่าจะหยุดเครื่องพร้อมกันทั้งหมด ในช่วงของการระบายน้ำพบว่าเจอปัญหา 3 น้ำ คือน้ำจากตอนบน น้ำทะเลหนุน และน้ำจากฝน ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้เต็มศักยภาพ
ทั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตรรายงานว่า ความกดอากาศต่ำพาดผ่านจังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7-10 กันยายน 2565 บริเวณพื้นที่อำเภอบางพลีรวม 242.00 มม. คิดเป็นปริมาณน้ำ 6.08 ล้าน ลบ.ม. อำเภอบางบ่อรวม 363.00 มม. คิดเป็นปริมาณน้ำ 12.19 ล้านลบ.ม. และอำเภอเมืองสมุทรปราการรวม 129.90 มม. คิดเป็นปริมาณน้ำ 1.80 ล้านลบ.ม. คิดเป็นปริมาณน้ำรวม 20.07 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลทำให้ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ในเกณฑ์วิกฤต
จึงขอให้ราษฎรที่อยู่ริมคลองพระองค์ไชยานุชิตคลองด่านคลองสำโรงคลองชายทะเล (เลียบถนนสุขุมวิท) คลองลาดกระบัง คลองบางปลา คลองเจริญราษฎร์ คลองบางโฉลง คลองจระเข้ใหญ่ และคลองบางเสาธงให้ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสังเกตระดับน้ำในคลองดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูงไว้ก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ กรมชลประทานจะเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าวันละ 15 ล้าน ลบ.ม.จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าหากไม่มีฝนตกจะเข้าสู่สภาวะปกติ 1-2 วัน
Advertisement