Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
10 วาทะเด็ดแห่งปี : คำพูดจากคนในไวรัลที่ทุกคนหยุดฟัง

10 วาทะเด็ดแห่งปี : คำพูดจากคนในไวรัลที่ทุกคนหยุดฟัง

30 ธ.ค. 68
13:50 น.
แชร์

นี่คือการรวบรวม "วาทะเด็ดแห่งปี 2568" ที่ปรับปรุงให้อยู่ในรูปแบบบทความที่มีความต่อเนื่อง สละสลวย และร้อยเรียงเรื่องราวได้

ปี 2568 ถือเป็นปีที่มี "คำพูด" จากคนดังหลากหลายวงการที่กลายเป็น "ไวรัล" สะท้านสะเทือนสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นวาทะเด็ดจากเวทีการเมือง หรือประโยคที่กลายเป็นประเด็นดราม่าข้ามคืน ทุกถ้อยคำเหล่านี้คือ "บันทึกประวัติศาสตร์" ที่บอกเล่าว่าคนไทยกำลังเผชิญ ให้ความสนใจ หรือเจ็บปวดกับเรื่องใดอยู่ “อมรินทร์ทีวีออนไลน์” ได้รวบรวม 10 ประโยคเด็ดแห่งปีที่คัดมาแล้วว่า "จี๊ด" ที่สุด ทรงพลังที่สุด และถูกพูดถึงมากที่สุด เพื่อย้อนมองเหตุการณ์สำคัญผ่านถ้อยคำที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เราต้องหยุดฟัง


1. "ไม่อยากให้อังเคิลไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา...”

– แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

กลายเป็นชนวนเหตุสำคัญที่เปลี่ยนทิศทางการเมืองไทย สำหรับคลิปเสียงสนทนาความยาว 9 นาทีเศษ ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จฮุน เซน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 โดยมีใจความสำคัญว่า:

"วันนี้ได้คุยเรื่องชายแดน ก็เข้าใจตรงกันว่า ทั้งท่านฮุนเซน ทั้งอิ๊งค์ ก็อยากให้ทั้ง 2 ประเทศสงบสุขค่ะ ไม่อยากให้อังเคิลไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอไปฟังอย่างนั้นเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจ หรือโกรธ เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ เพราะตอนนี้ทางนั้นเขาอยากจะดูเท่ เขาก็จะพูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติค่ะ แต่ว่าจริงๆ ที่เราต้องการเนี่ย คือต้องการความสงบสุขให้เกิดขึ้นเหมือนตอนก่อนที่จะปะทะกันตรงชายแดนค่ะ ให้ท่านฮุนเซนเห็นใจหลานหน่อย เพราะว่าตอนนี้คนในประเทศไทยเขาไล่เราไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ แล้วถ้าท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้"

วาทะ "อังเคิล-หลาน" นี้ นำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการรักษาผลประโยชน์ชาติ จนเป็นเหตุให้เธอต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา

2. “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ”

– อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี

ท่ามกลางพายุความขัดแย้งทางการเมืองและสถานการณ์ชายแดน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ได้ตัดสินใจโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในช่วงกลางดึกคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2568 เพื่อแจ้งถึงการกราบบังคมทูลฯ ยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีผลในวันรุ่งขึ้น และนำไปสู่การกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ถือเป็นการปิดฉากรัฐบาลเฉพาะกิจตามเงื่อนไขที่เคยให้สัญญาไว้

3. “เราไม่ได้เลือกคุณอนุทินมาบริหารประเทศ แต่เลือกมายุบสภา”

– ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

เป็นประโยคที่สะท้อนถึงเกมการเมืองที่แยบยลที่สุดในปีนี้ โดยนายณัฐพงษ์ได้กล่าวหนักแน่นกลางสภาว่า:

“เราไม่ได้เลือกคุณอนุทิน มาบริหารประเทศ แต่เลือกมายุบสภา ภายใต้กรอบเวลาที่ตกลงกัน ความชัดเจนที่ 2 พรรคประชาชนเลือกคุณอนุทิน เพราะเซ็นข้อตกลง 5 ข้อ เปิดเผยต่อสาธารณะ และเดินหน้าตั้ง สสร. นี่คือโอกาสดีที่สุดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

ถ้อยคำนี้เป็นการชี้แจงต่อกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคประชาชนถึงเหตุผลที่ยอมโหวตให้คู่แข่งทางการเมืองขึ้นสู่อำนาจ เพื่อผ่าทางตันให้ประเทศและเดินหน้าสู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่

4. "เอาโจรไปปราบโจรดีไหมล่ะ ขอให้คุณธรรมนัสรู้เรื่องจริงเถอะ ผมว่าเขาก็ต้องทำได้"

– ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย

เมื่อรัฐบาลตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาปราบแก๊งสแกมเมอร์ ท่ามกลางเสียงยี่หระจากสังคม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างแสบสันว่า:

"เอาโจรไปปราบโจรดีไหมล่ะ ขอให้คุณธรรมนัสรู้เรื่องจริงเถอะ ผมว่าเขาก็ต้องทำได้ มันอยู่ที่ตัวท่าน อย่าเพิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร บอกตรงๆ ตัวผมเองเสพข่าวน้อยมาก เสพเฉพาะเรื่องสำคัญๆ เพราะผมกลัวเข้าไปอยู่ในกระแสลมปั่นป่วนแล้ววิธีคิดของเราจะผิดไป"

5. "ทุกคนเห็นสิ่งที่ผมเจอป่ะ ผมห่วงอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้ใครจะกล้าช่วยคน ใครจะกล้าออกมาทำความดี"

– กัน จอมพลัง

วาทะตัดพ้อนี้เกิดขึ้นหลังจาก "กัน จอมพลัง" ถูกสังคมตั้งคำถามถึงข้อบังคับของมูลนิธิที่ระบุว่าหากยกเลิก ทรัพย์สินจะโอนไปให้มูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า จนนำไปสู่ประเด็นดราม่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เจ้าตัวจึงกล่าวผ่านสื่อด้วยความอัดอั้นว่า:

"ทุกคนเห็นสิ่งที่ผมเจอป่ะ ผมห่วงอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้ใครจะกล้าช่วยคน ใครจะกล้าออกมาทำความดี"

6. "ผมขอเงินที่บริจาคไปคืน เพราะเนื่องจากไม่บอกเบื้องหลังให้ครบ ทำให้เชื่อว่าเป็นของคุณกัน”

– ณวัฒน์ อิสรไกรศีล

ต่อเนื่องจากดราม่าของ กัน จอมพลัง นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้ออกมาประกาศทวงเงินบริจาค 5,000 บาทคืนผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุเหตุผลว่า:

"ผมขอเงินที่บริจาคไปคืน เพราะเนื่องจากไม่บอกเบื้องหลังให้ครบ ทำให้เชื่อว่าเป็นของคุณกัน”

เหตุการณ์นี้ลุกลามจนมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวเผชิญหน้ากัน โดยนายณวัฒน์ยืนยันความโปร่งใสในนามบริษัทมหาชน ขณะที่กัน จอมพลัง เสนอจะคืนเงินส่วนตัวให้แทน จนกลายเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของสองคนดัง

7. "รัฐบาลไฟเขียวให้กองทัพปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ เราจึงมีความจำเป็นที่ต้องลิดรอนขีดความสามารถของเขา เพื่อให้เขาหมดสภาพ"

– พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก

ในห้วงเวลาที่ไฟสงครามชายแดนลุกโชนเมื่อเดือนธันวาคม เสธ.ทบ. ได้ส่งสัญญาณกร้าวถึงปฏิบัติการทางทหารว่า:

"รัฐบาลไฟเขียวให้กองทัพปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคต เราจึงมีความจำเป็นที่ต้องลิดรอนขีดความสามารถของเขา เพื่อให้เขาหมดสภาพ หรือมีแนวความคิด หรือวิธีการที่จะแอบลักลอบเข้ามาในดินแดนของเรา หรือใช้วิธีการต่างๆ ที่เขาเคยใช้ ให้ไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไปในอนาคต"

ประโยค "ทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพ" กลายเป็นวลีที่ถูกนำไปใช้ตอกย้ำถึงเป้าหมายเด็ดขาดของกองทัพไทยในสมรภูมิครั้งนี้

8. "และบัดนี้ได้เวลาอันสมควรแล้ว กระผมขอเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ บัดนี้"

– ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ความขบขันปนความขายหน้าเกิดขึ้นในพิธี "ปิด" การแข่งขันซีเกมส์ เมื่อประธานในพิธีอย่าง ร.อ.ธรรมนัส กลับพูดผิดว่าเป็นการ "เปิด" การแข่งขัน สร้างความมึนงงไปทั้งสนามและโลกโซเชียล นอกจากนี้เจ้าตัวยังทิ้งวาทะโต้กลับเสียงวิจารณ์ความไม่พร้อมของเจ้าภาพไว้ว่า:

"คนไม่ทำงานก็ไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์"

9. “ก็ไม่มีใครตาย ก็ยกเลิกได้นิ ประหยัดทันที 50 ล้านบาท++”

– รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน

เป็นวาทะที่ฟาดแรงถึงการใช้งบประมาณรัฐ เมื่อไอซ์ รักชนก ออกมาแฉงบทำปฏิทินของสำนักงานประกันสังคมที่สูงเกินจริง จนสุดท้ายหน่วยงานต้องประกาศยกเลิกการจัดจ้างเนื่องจากความล่าช้า เธอจึงสรุปใจความไว้อย่างเจ็บจี๊ดว่า:

“ก็ไม่มีใครตาย ก็ยกเลิกได้นิ ประหยัดทันที 50 ล้านบาท++”

10. "กูจะส่งหามึงทุกวัน ขอโอกาสคุยกับกูเถอะ ด่าก็ได้ ว่าก็ได้ กูเดินต่อไปแบบนี้ไม่ไหว ไม่รู้จะไหวแค่ไหน"

– นานา ไรบีนา

ปิดท้ายด้วยประโยคสะเทือนใจในคดีฉ้อโกงประชาชนครั้งใหญ่ เมื่อนานา ไรบีนา ส่งข้อความหาเพื่อนสนิทอย่าง เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เพื่อขอโอกาสเคลียร์ปัญหาก่อนที่ความสัมพันธ์จะแตกหักว่า:

"กูจะส่งหามึงทุกวัน ขอโอกาสคุยกับกูเถอะ ด่าก็ได้ ว่าก็ได้ กูเดินต่อไปแบบนี้ไม่ไหว ไม่รู้จะไหวแค่ไหน... มึงคุยกับกูได้ไหม อย่างน้อยขอแค่คุยกัน หลังจากนี้มึงจะไม่อยากคุยกับกูอีก กูก็เข้าใจ"

กลายเป็นบทสรุปของมิตรภาพที่พังทลายลงเพราะปัญหาระบบการเงินและหนี้สินที่พัวพัน


บทสรุป: 10 วาทะนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่คือกระจกเงาที่สะท้อนถึงวิกฤตศรัทธา ความขัดแย้ง และอารมณ์ร่วมของสังคมไทยในปี 2568 ที่จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ตลอดไป

Advertisement

แชร์
10 วาทะเด็ดแห่งปี : คำพูดจากคนในไวรัลที่ทุกคนหยุดฟัง