ยุคนี้ต้องประหยัด! เช็กลิสต์ 4 ข้อ ลดค่าไฟแค่ปรับวิธีใช้ "ตู้เย็น"

21 ส.ค. 68

09:32 น.

แชร์

อยากประหยัดไฟในยุคของแพง? ลดค่าไฟได้ง่ายๆ แค่ปรับวิธีใช้ "ตู้เย็น" เช็กลิสต์ 4 ข้อ ทำตามได้เลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามคาด! "ตู้เย็น" ประกาศขอถอนตัวร่วมตบวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกที่ไทย

ตู้เย็นบิวท์อินบางที่สุดในโลก ไฮเออร์เตรียมเจาะตลาดมูลค่า 18,000 ลบ.

ตู้เย็นระเบิดได้จริงหรือ ? เปิด 10 ข้อ วิธีการใช้ตู้เย็นอย่างปลอดภัย

การดูแลรักษาตู้เย็นให้ประหยัดไฟนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง การทำตามคำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้ตู้เย็นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและช่วยลดค่าไฟในบ้านของคุณได้ครับ

1. การเลือกตำแหน่งวางตู้เย็น

• ห่างจากแหล่งความร้อน ควรวางตู้เย็นให้ห่างจากเตาแก๊ส, เตาอบ, หม้อหุงข้าว หรือบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะความร้อนจากภายนอกจะทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิภายใน

• มีพื้นที่ระบายอากาศ ควรเว้นระยะห่างระหว่างตู้เย็นกับผนังด้านหลังและด้านข้างอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อให้อากาศถ่ายเทและระบายความร้อนจากแผงคอยล์ร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การใช้งานที่ถูกต้อง

• ไม่เปิด-ปิดบ่อยๆ การเปิดประตูตู้เย็นบ่อยๆ หรือเปิดทิ้งไว้นานๆ จะทำให้ความเย็นภายในเล็ดลอดออกไป และคอมเพรสเซอร์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดึงอุณหภูมิกลับมา

• ไม่นำของร้อนใส่ตู้เย็น ควรรอให้อาหารหรือเครื่องดื่มคลายความร้อนก่อนนำไปแช่ เพราะความร้อนจะทำให้ตู้เย็นต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการทำความเย็น

• ไม่ใส่ของแน่นเกินไป การใส่ของจนแน่นจะขัดขวางการไหลเวียนของอากาศเย็น ทำให้ความเย็นกระจายไม่ทั่วถึง และคอมเพรสเซอร์ต้องทำงานนานขึ้น

• จัดระเบียบอาหาร การจัดวางของให้เป็นระเบียบจะช่วยให้คุณหาของที่ต้องการเจอได้ง่ายขึ้นและลดเวลาในการเปิดประตูตู้เย็น

3. การตั้งค่าและการตรวจสอบ

• ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับช่องธรรมดาคือ 2-4 องศาเซลเซียส และช่องแช่แข็งคือ -15 ถึง -18 องศาเซลเซียส การตั้งอุณหภูมิที่เย็นเกินความจำเป็นจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและเปลืองไฟโดยไม่จำเป็น

• ตรวจสอบขอบยางประตู ควรตรวจสอบขอบยางประตูตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ หากขอบยางเสื่อมสภาพหรือมีรอยรั่ว จะทำให้ความเย็นรั่วไหลออกมาได้ ลองนำกระดาษ A4 สอดระหว่างขอบยางแล้วปิดประตู หากสามารถดึงกระดาษออกได้ง่าย แสดงว่าขอบยางเสื่อมสภาพแล้ว

• ละลายน้ำแข็ง (สำหรับตู้เย็นที่ไม่มีระบบละลายอัตโนมัติ) หากปล่อยให้น้ำแข็งเกาะหนาเกินไปในช่องฟรีซ จะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและทำความเย็นได้ไม่ดี ควรละลายน้ำแข็งออกเป็นประจำ

4. การทำความสะอาด

• ทำความสะอาดแผงคอยล์ร้อน ควรทำความสะอาดแผงคอยล์ร้อนที่อยู่ด้านหลังตู้เย็นอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพราะฝุ่นที่เกาะจะขัดขวางการระบายความร้อน ทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้น

• ทำความสะอาดภายในตู้ การทำความสะอาดภายในตู้เย็นเป็นประจำ นอกจากจะช่วยเรื่องสุขอนามัยแล้ว ยังช่วยให้ไม่มีกลิ่นเหม็นและลดภาระการทำงานของตู้เย็นด้วย

การดูแลรักษาตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำข้างต้นนี้ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้เย็น และยังช่วยประหยัดค่าไฟในระยะยาวอีกด้วย