ภารกิจหัวใจติดปีก "อนุทิน" นำหัวใจดวงที่ 153 ต่อชีวิตผู้ป่วย
ภารกิจ "หัวใจติดปีก" เดินหน้าต่อเนื่อง "อนุทิน" ขับเครื่องบินนำหัวใจดวงที่ 153 ต่อชีวิตผู้ป่วย มอบโอกาสเริ่มต้นปีใหม่
(30 ธ.ค. 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติภารกิจสำคัญ "หัวใจติดปีก" อีกครั้ง โดยขับเครื่องบินนำทีมแพทย์รับหัวใจดวงที่ 153 จากโรงพยาบาลอุดรธานี ก่อนเดินทางมายังท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สำหรับการปลูกถ่ายช่วยชีวิตผู้ป่วยที่รอคอยการผ่าตัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ศ. / หน.คณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร.(มค) / ผอ.ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตำรวจจราจรจังหวัดอุดรธานี และตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ อำนวยความสะดวกด้านการจราจรตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ต้นทางโรงพยาบาลอุดรธานีไปยังสนามบินอุดรธานีอย่างเร่งด่วนและปลอดภัย
ทั้งนี้ เครื่องบินได้ออกเดินทางจากสนามบินอุดรธานีในเวลา 15.14 น. และเดินทางถึงกรุงเทพมหานคร ลงจอดที่ MJets Private Jet Terminal ท่าอากาศยานดอนเมือง ในเวลา 16.20 น. ก่อนดำเนินการส่งต่อหัวใจดวงสำคัญเข้าสู่ขั้นตอนการลำเลียงทางภาคพื้นดิน
เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ได้มีตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ จัดกำลังนำขบวนอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รวมถึงตำรวจจราจรในทุกทางแยกตลอดเส้นทาง ร่วมอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง จนสามารถนำส่งหัวใจดวงสำคัญถึง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในเวลา 16.40 น. ได้ทันตามกรอบเวลาที่จำกัด เพื่อเข้าสู่กระบวนการปลูกถ่ายอวัยวะ
พล.ต.อ.สำราญ นวลมา ได้ชื่นชมตำรวจจราจรทุกนายที่มีส่วนร่วมในการอำนวยความสะดวกในการนำส่งหัวใจดวงนี้ รวมถึงประชาชนทุกท่านที่ให้ความร่วมมือหลีกทางแก่รถพยาบาล จนสามารถนำส่งหัวใจดวงที่ 153 ไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งถือเป็นหัวใจดวงที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้ร่วมภารกิจนำส่งอวัยวะเพื่อการปลูกถ่าย ช่วยต่อชีวิตผู้ป่วยมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
สำหรับภารกิจ "หัวใจติดปีก" ตลอดปี 2568 เริ่มต้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ที่หัวใจดวงที่ 109 และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 44 ดวง โดยหัวใจดวงที่ 153 ในวันนี้ ถือเป็นดวงที่ 44 ของปี 2568 ที่ช่วยต่อชีวิตผู้ป่วยในช่วงปลายปี
ภารกิจในครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำงานแข่งกับเวลา เพื่อส่งต่อ "หัวใจแห่งความหวัง" ให้ถึงมือผู้ป่วยอย่างปลอดภัยและทันท่วงที นับเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ไม่เพียงช่วยต่อชีวิตผู้ป่วย หากยังเป็นการมอบโอกาสเริ่มต้นปีใหม่ พร้อมความหวังในการดำเนินชีวิตต่อไปให้กับผู้ป่วยและครอบครัว
Advertisement
