
พลโท มาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหม ขอแจ้งให้ประชาชนทั่วไป สื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทราบถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย ในวันนี้ ดังต่อไปนี้
(8 ธ.ค. 2568) เวลาประมาณ 05:04 น. กองทัพไทยได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังกัมพูชาในพื้นที่ช่องอานม้า จ.พระวิหาร จากนั้นจึงยิงปืนครกหลายนัดไปยังปราสาทตาเมือนธม และยิงไปยังพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ทั้งนี้ การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กองกำลังไทยได้ดำเนินการยั่วยุหลายครั้งติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่พื้นที่ Prorlean Thmar โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยุยงให้เกิดการเผชิญหน้า
ด้วยเจตนารมณ์ที่จะเคารพข้อตกลงก่อนหน้าทั้งหมดและแก้ไขข้อขัดแย้งโดยสันติตามกฎหมายระหว่างประเทศ กัมพูชาไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้นระหว่างการโจมตีทั้งสองครั้ง และยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด นอกจากนี้ กัมพูชาได้แจ้งเหตุการณ์นี้ให้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ทราบเป็นครั้งที่สอง และวางแผนที่จะขอให้ AOT ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม และความเป็นกลาง
กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ขอประณามการกระทำอันโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายไทยอย่างรุนแรงที่สุด การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชาและไทยอย่างร้ายแรง ซึ่งนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568 โดยมี ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นสักขีพยานในฐานะประธานอาเซียนหมุนเวียน
โดย กัมพูชาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามอย่างรุนแรงต่อการละเมิดปฏิญญาร่วมของไทยและกิจกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าของไทย พร้อมเรียกร้องให้ไทยรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการกระทำรุกรานอันน่าละอายดังกล่าว กัมพูชาขอเรียกร้องให้ไทยยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคโดยทันที ขณะเดียวกัน เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายไทยยึดมั่นในความตกลงหยุดยิง ปฏิญญาร่วม และพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศด้วยความจริงใจ ด้วยความสุจริตใจ และความปรารถนาดี
กัมพูชาจะยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเคารพและปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิง ปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย ตลอดจนข้อตกลงทั้งหมดที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำไว้ก่อนหน้านี้ด้วยความรับผิดชอบและความปรารถนาดีสูงสุด
แทนที่จะใช้วิธีรุกรานหรือใช้กำลัง กัมพูชายึดมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญา และข้อตกลงที่มีอยู่ เพื่อหาทางแก้ไขที่ยุติธรรม เป็นธรรม ยั่งยืน และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
Advertisement