
วันที่ 1 ธ.ค. 68 พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) สั่งการให้ พล.ร.อ.กรวิทย์ ฉายะรถี ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ดำเนินภารกิจนำหมู่เรือหลวงอ่างทอง หมายเลข791 ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ลําแรกของกองทัพเรือไทย ออกเดินทางจากท่าเทียบเรือแหลมเทียนฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มุ่งหน้าสู่ท่าเทียบเรือน้ำลึกฐานทัพเรือสงขลา ภายใต้การควบคุมการปฏิบัติของ น.ท.ชยพัทธ์ พึ่งประสพพร ผู้บังคับการเรือหลวงอ่างทอง
ทั้งนี้เรือหลวงอ่างทองได้รับมอบหายให้ทำหน้าที่ลำเลียงสิ่งของบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพจำนวนมากมายหลายตัน จากธารน้ำใจพี่น้องคนไทยทั่วทั้งแผ่นดินเข้าสบทบกับ เรือหลวงจักรีนฤเบศร หมายเลข911ซึ่งเป็นเรือบรรทุกอากาศยานร่วมภารกิจบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยสิ่งของบริจาคทั้งหมดจะถูกลําเลียงโดยเรือรถและอากาศยานนําขึ้นสู่ฝั่ง เพื่อส่งมอบให้ถึงมือพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด
ก่อนการออกเดินทาง น.ท.ชยพัทธ์ พึ่งประสพพร ผู้บังคับการเรือหลวงอ่างทอง ได้แสดงการขอบคุณกําลังพลทุกนายที่ตลอดระยะเวลา 2 วัน 2 คืน ได้ร่วมแรงร่วมใจกันลําเลียงสิ่งของบริจาคขึ้นเรือจนภารกิจสําเร็จลุล่วงไปด้วยดี
และกล่าวว่าภารกิจการเดินทางไปในครั้งนี้ คาดการณ์ว่าการออกเดินทางช่วงเช้าวันนี้ จะถึงที่หมายท่าเทียบเรือน้ำลึก ฐานทัพเรือสงขลาในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 2 ธ.ค. 68 หลังเรือเข้าเทียบจะเริ่มภารกิจขนย้ายสิ่งของขึ้นฝั่งทันที โดยมีกําลังพลจากทัพเรือภาคที่2 เข้าร่วมในภารกิจขนย้ายใช้เวลาดําเนินการ 3 วัน คาดว่าเรือจะเสร็จสิ้นภารกิจออกเดินทางกลับสู่ที่ตั้งฐานทัพเรือสัตหีบในช่วงเย็นของวันที่ 4 ธ.ค. 68
กองทัพเรือหน่วยงานความมั่นคงมีหน้าที่ในการปกป้องและรักษาอธิปไตยของชาติทางทะเลได้ดําเนินแผนตอบโต้ภัยพิบัติมหาอุทกภัยที่ถาโถมผืนแผ่นดินหลั่งน้ําตาของพี่น้องชาวใต้สร้างความเสียหายไปทุกหย่อมหญ้าพรากบุคคลอันเป็นที่รักไปจากครอบครัวที่ไม่อาจมีวันหวนกลับคืน
กองทัพเรือตลอดจนหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วทั้งประเทศได้หลอมรวมพลังเป็นหนึ่งระดมทุกสรรพกําลังผนึกขึ้นเป็นมวลเครื่องอุปโภคบริโภค และถุงยังชีพที่ล้วนมีความจำเป็นต่อการดำรงชีพจำนวนมากมายมหาศาลเพื่อหวังบรรเทาความเดือดร้อนซับน้ําตาลให้กับพี่น้องประชาชนชาวใต้จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า “กองทัพเรือจะไม่ทอดทิ้งและอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย”
Advertisement