
วันที่ 18 พ.ย. 68 นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือ และหลักฐานให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 โยอ้างว่ามีชื่อรับเงินเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 2 ล้านบาท รวมถึงยังมีรายชื่อของตำรวจยศ “พ.ต.อ.” เป็นอดีตผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวนภาค 2 ในสมัยชุดปฏิบัติการของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีการทำเอกสารราชการปลอมอายัดบัญชีเว็บพนันแล้ว ยังเรียกตบทรัพย์ 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินในบัญชี และรองสารวัตรกองกำกับการ 1 สอท. อายัดบัญชีเว็บพนันออนไลน์ โดยเรียกตบทรัพย์รายละ 100,000 บาท มากกว่า 300 เคส
ทั้งนี้ขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และวินัยร้ายแรง ให้ย้ายตำรวจชุดดังกล่าว ไปประจำศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำหรับการเดินทางในวันนี้ นายอัจฉริยะ อ้างว่ามีหลักฐานจากเอกสารที่ผ่านการตรวจสอบของดีเอสไอ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างชัดเจนว่านายตำรวจที่มีรายชื่อดังกล่าว มีความบกพร่องต่อการปฎิบัติหน้าที่ จึงอยากให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบ และโยกย้ายมาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากว่าในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลโยกย้าย
ส่วนประเด็นของรองสารวัตรกองกำกับการ 1 สอท. จะมีรายชื่อไปเกี่ยวข้องกับผู้บังคับบัญชาด้วยหรือไม่นั้น นายอัจฉริยะ ระบุว่า ยังไม่อยากเปิดเผย แต่อยากโฟกัสตำรวจที่มีรายชื่อดังกล่าวก่อน เพราะเงินจำนวนมากขนาดนี้ ไม่เชื่อว่ารองสารวัตรเพียงคนเดียว จะสามารถทำได้
ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้าย จนทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีการเรียกเข้ามาประชุมด่วนเมื่อวานนี้นั้น นายอัจฉริยะ มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะส่วนตัวรู้จัก พล.ต.ท.รายนั้นเป็นอย่างดี รู้จักกันมานานว่ามีพฤติกรรมอย่างไร พร้อมทราบว่าช่วงที่ท่านไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภาค 8 ใหม่ๆ มีการไปขอขึ้นราคาเก็บส่วยเพิ่มขึ้นอีก 20-30 เปอร์เซ็นต์ จนทำให้ตำรวจภูธรภาค 8 รู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมดังกล่าว หลังจากนั้นก็มีข่าวว่าเรียกรับผลประโยชน์ในการแต่งตั้งเป็นเงินถึง 8 ล้านบาท
นอกจากนี้ตนเองยังมีข้อมูลหลักฐานที่สามารถจะน็อคสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อย่างแน่นอน โดยในวันที่ 26 พ.ย.นี้ ตนเองจะนำหลักฐานดังกล่าวไปเปิดเผยในที่ประชุมกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับรู้ถึงขบวนการซื้อขายตำแหน่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ชี้ชัดว่าขบวนการดังกล่าว มีตั้งแต่ระดับ พล.ต.อ. , พล.ต.ท. , ก.ตร. และคุณหญิง เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่มีการซื้อขายอย่างชัดเจนว่าการขึ้นตำแหน่งตั้งแต่รองผู้กำกับการ จะขึ้นเป็นผู้กำกับการ ต้องเสียเงิน 5-7 ล้านบาท โดยสามารถเลือกพื้นที่ทำเลทองได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนเองไม่กลัวถูกฟ้อง และการเปิดเผยครั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีใบสั่ง พร้อมรับผิดชอบเองทุกอย่าง
ส่วนพยานหลักฐานที่มีการซื้อขายตำแหน่ง พบตั้งแต่ปี 2567 จนปัจจุบัน ก็ยังมีการทำอยู่ โดยเฉพาะวันที่ 28 พ.ย. นี้ ซึ่งจะมีการแต่งตั้งระดับรองผู้บังคับการ ถึงสารวัตรในวาระประจำปี 2568 เชื่อว่าจะไม่มีการแต่งตั้ง หากตนเองเปิดเผยหลักฐานในวันดังกล่าว
พร้อมยืนยันว่า “ในปัจจุบันนี้ยังมีการซื้อขายตำแหน่ง โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็น พล.ต.อ.ในราชการ ส่วน พล.ต.ท. เป็นอดีตตำรวจที่ปัจจุบันเป็นประธานการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนทั่วประเทศ” รวมทั้งภรรยาน้อยของ ก.ตร. ที่ไม่ใช่อดีตตำรวจ ซึ่งมีพฤติกรรมแอบอ้างชื่อสามีในการซื้อขายตำแหน่ง
ทั้งนี้นายอัจฉริยะ ยังปฎิเสธไม่เคยรับเงินดูแลจาก นายตำรวจระดับผู้บัญชาการ เพื่อแลกกับการไม่ต้องเปิดเผย หรือแฉข้อมูลในการทุจริตแต่งตั้งโยกย้าย
Advertisement