
(3 พ.ย. 2568) นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมศูนย์ประสานและอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กล่าวถึงผลการประชุมคณะทำงานครั้งที่ 2/2568 ว่า เป็นการสรุปแนวทางในการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ที่จะมีการเปิดให้ประชาชนเข้าไปกราบพระบรมศพ ด้านในพระราชวัง ในวันที่ 9 พ.ย. นี้ หลังสำนักพระราชวัง แจ้งปิดการเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงวันที่ 8 เนื่องจากมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพฯ
นายภราดร กล่าวว่า หากเป็นประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ทางกระทรวงมหาดไทย ได้ประเมินตัวเลขไว้ว่า จะมีประชาชนจากแต่ละจังหวัดเข้ามาประมาณ 3,000 - 5,000 คน จึงให้ทางแต่ละจังหวัด สอบถามดูว่ามีประชาชนที่มีความประสงค์กี่คน จากนั้นจะจัดลำดับคิวเรียงลำดับตามตัวอักษรของจังหวัด ให้เดินทางมาในวัน-เวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดมากจนเกินไป และเมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ก็จะมีรถรับ-ส่งที่บริเวณสนามหลวง ซึ่งประสานงานกับทางกระทรวงคมนาคม แล้วประชาชนก็จะเดินเท้าจากสนามหลวง เข้าไปที่พระบรมมหาราชวัง
และเมื่อทำพิธีสักการะเสร็จแล้ว หากเป็นผู้สูงอายุ ก็มีการจัด Shuttle bus ของกระทรวงคมนาคม ไว้คอยบริการจากจุดที่เดินออกจากพระบรมมหาราชวัง ย้อนกลับมาที่สนามหลวง
ในส่วนการดูแลจัดการการบริการต่างๆ ขณะที่ประชาชนรอคิวภายในท้องสนามหลวง เพื่อที่จะเข้าไปถวายสักการะ ทาง กทม จะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการที่จะดูแลเรื่องการบริการพี่น้องประชาชนใน โดยจัดเตนท์เป็นแนวยาวครึ่งรอบของสนามหลวง คาดว่าจุคนได้ประมาณ 10,000 คนต่อรอบ ซึ่งคิดไว้ว่าจะเปิดให้เข้าไปวันละ 3 รอบ รวมประมาณ 30,000-40,000 คนต่อวัน ซึ่งในจุดพักคอย ก็จะมีบริการทั้งในเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น เช่น อินเทอร์เน็ต ซึ่งได้ประสานงานกับทางเอไอเอสและทางทรูเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงจุดชาร์จโทรศัพท์ ในกรณีโทรศัพท์แบตหมด
สำหรับอาหารหรือสิ่งของที่มีผู้สนใจบริจาคเพื่อนำมาบริการประชาชน สามารถประสานมาได้ที่ 2 ช่องทาง คือสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือในนามศูนย์ประสานงานฯ นี้ ที่สายด่วน หมายเลข 1111 และอีกส่วนหนึ่งก็คือประสานโดยตรงไปที่ทาง กทม ซึ่งจะมีการเปิดสายด่วน 1818 เพื่อให้ประชาชนสอบถามข้อมูลและประสานการบริจาคต่างๆ คาดว่าจะใช้งานได้ภายใน 2-3 วันนี้
ส่วนของกระทรวงสาธารณสุข จะร่วมมือกับทาง กทม บริการที่จะดูแลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย เหตุฉุกเฉิน ก็จะมีทั้งสิ้น 8 จุดด้วยกันในบริเวณรอบสนามหลวง และในบริเวณใกล้พระบรมมหาราชวัง
ในส่วนจิตอาสาที่จะเข้ามาบริการในสนามหลวง ทางแม่ทัพภาค 1 จะรับเป็นศูนย์อำนวยการจิตอาสาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจิตอาสาภาคประชาชน จิตอาสา 904 หรือจิตอาสาของภาครัฐ ก็จะมีการจัดคิวให้เข้ามาทำงานเช่นกัน
สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ ทั้งที่เดินทางจากต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานคร กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของวีลแชร์ และทางกระทรวงมหาดไทยได้ประสานกับภาคเอกชนแล้ว ให้มีรถกอล์ฟมาบริการในพื้นที่บริเวณสนามหลวงด้วย
และในเรื่องจุดจอดรถ ในส่วนของรถขนาดใหญ่ที่พาประชาชนมาจากต่างจังหวัด จะให้จอดรับ-ส่ง ที่สนามหลวง แล้ววนไปจอดตามจุดที่ได้กำหนดไว้ ส่วนรถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดรถได้ที่สนามหลวงฝั่งทิศเหนือราชนาวีสโมสร รวมถึงบนถนนราชินี ถนนอัสดา และถนนสนามไชย
อย่างไรก็ตามทางกระทรวงคมนาคมจะยังคงให้บริการรถเมล์จากทุกมุมของกรุงเทพมหานครเข้ามายังสนามหลวงด้วย
Advertisement