นายกฯ บินเกาหลีใต้ เจอ "ทรัมป์" อีก จ่อหารือ "สีจิ้นผิง" ซื้อข้าวไทย
นายกฯ บินเกาหลีใต้ เจอ "ทรัมป์" อีกรอบ เตรียมหารือ "สีจิ้นผิง" ซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน ย้ำ ข้อตกลงสันติภาพไทยไม่เสียประโยชน์ ชวนคนไทยใช้คนละครึ่งพลัส
(29 ต.ค. 2568) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนการเดินทางไปยังสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Week: AELW) ระหว่างวันที่ 29 ต.ค. - 1 พ.ย. 2568 ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงกรณีโครงการคนละครึ่งพลัสซึ่งเปิดใช้วันแรกว่า แสดงความยินดีกับประชาชนที่ได้ใช้โครงการคนละครึ่งพลัสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเป็นเวลา 2 เดือน จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนช่วยกันออกมาใช้เงินเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเป็นการช่วยทำให้คนไทยทั้งประเทศมีโอกาสสร้างรายได้
ส่วนคนตกหล่น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้หารือกับ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้ง และจะนำข้อมูลต่างๆ ไปแจ้งกับ นายเอกนิติ ทั้งข้อมูลจากโซเชียล ทั้งกลุ่มเปราะบาง และสูงอายุที่ใช้พลิเคชันต่างๆ ไม่ค่อยเป็น หลายครั้งสื่อสารเก่าไม่สามารถลงทะเบียนได้ ก็ต้องดูแลให้ทั่วถึงไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ส่วนการดูแลหากมีผู้ที่ทุจริตนำไปแลกเป็นเงินสด นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทำไปอย่างนั้นไม่มีประโยชน์อะไรผิดกฎหมายและจะทำให้ความตั้งใจของรัฐบาลที่จะมาช่วยเหลือรูปแบบในครั้งต่อไปแทนที่จะออกเฟส 2 ไม่ได้ออกสักที ดังนั้นอย่าไปเอาเปรียบทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้ดังนั้นควรจะใช้อย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความคาดหวังในการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ในครั้งนี้ สิ่งที่คาดอันดับแรกเพราะเจอทั้งผู้นำเกาหลีใต้และจีนคืออะไรบ้างนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เจอผู้นำหลายประเทศ แคนาดา จีน เกาหลีใต้ บรูไน และน่าจะได้มีโอกาสพบกับประธานธานธิบดี โดนัล ทรัมป์ อีกครั้งและน่าจะได้นั่งประชุมติดกัน ล้วนแล้วแต่จะมีโอกาสหารือกับทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขาย และการแสวงหาความมือสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ส่วนตั้งข้อสังเกตว่า ไทยจะมีการชั่งน้ำหนักอย่างไรกับประเทศจีนในเรื่องแร่แรร์เอิร์ธ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตอนที่อยู่มาเลเซียได้พบกับนายกรัฐมนตรีของจีนและในการไปในครั้งนี้จะได้พบกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง มีเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญกว่านี้เยอะ คือการที่เราจะนำเสนอให้ช่วยเร่งพิจารณาซื้อข้าวจากไทย 5 แสนตัน ซึ่งจะสร้างรายได้กับประเทศมหาศาล
ส่วนที่เกาหลีใต้ ไทยเสนอตัวเป็นศูนย์กลางปราบสแกมเมอร์หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้ประกาศไปแล้วไทยพร้อมการประชุมระดับนานาชาติ เพื่อร่วมการป้องกันสแกมเมอร์เพราะตอนนี้คุกคามไปทั่วโลก และวันนี้ฑูตอินเดียประจำประเทศไทยก็หารือกับผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง ช่วยคนอินเดียจากทางฝั่งแม่สอด เป็นการร่วมมือเรื่องปราบอาชญากรรม แม้กระทั่งกัมพูชาก็จะมีการรื้อฟื้นสิ่งที่เคยร่วมมือกันมาก่อน พอมีปัญหามาก็เลิกกันไป แต่ตอนนี้ก็ปรากฏอยู่ในปฏิญญาความร่วมมือ
ส่วนเรื่องการจัดงานลอยกระทง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปลัดมหาดไทยทำหนังสือชี้แจงชัดเจน มีแนวทางการดำเนินการชัดเจน ส่วนราชการทั้งหมดทำความเข้าใจว่าไม่มีการยกเลิก
ส่วนกิจกรรมเทิดพระเกียรติก็ทำตลอด ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีสัปดาห์ที่แล้ว ที่มีการจัดคอนเสิร์ต Blackpink ก็สามารถดำเนินการได้อย่างสวยงาม โดยทุกคนให้เกียรติ ยืนยันไม่มีปัญหาโดยเฉพาะราชการ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเรื่องการถอนอาวุธว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ให้เขาได้คุยเรื่องพวกนี้มีแนวทางตามปฏิญญา ปล่อยให้เป็นไปตามการเจรจา จนถึงทุกวันนี้ก็เป็นไปตามที่คาดหมาย เมื่อคืนตนยังนั่งหารือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วรองเสนาธิการทหารที่เป็นคนไปร่วมประชุมจีบีซีและร่างปฏิญญานี้มาก็ทำงานเต็มที่ รักษาประโยชน์ของประเทศสูงสุด
อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่า การลงนามในครั้งนี้ยังมีความกังวลว่าไทยเสียผลประโยชน์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า "ผมคิดว่าตั้งแต่ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่จบการศึกษามายังไม่รู้สึกว่าตัวเองเคยทำให้องค์กรที่สังกัดอยู่เสียประโยชน์อะไรเลย ตรงกันข้ามผมก็มีความชำนาญพอสมควรในเรื่องการเจรจา ไม่ว่าจะจะเป็นเรื่องการค้าหรือความเมือง บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราทำได้มากกว่าที่เราคาดหวัง แต่ผมก็ยึดหลักว่าต้องอยู่บนผู้เจรจาต้องรู้สึกว่าได้รับความยุติธรรม สิ่งนี้ก็เป็นเทคนิคของผมอธิบายไม่ได้มันอยู่ในตัว แต่ไม่ต้องกังวล เรื่องพวกนี้เท่าที่จำความได้ไม่เคยเสียเปรียบใคร คนถึงไม่ชอบหลายคนไง"
Advertisement
